โมเมนต์ที่สร้างความตื่นตะลึงที่สุดของงานประกาศรางวัลอคาเดมีอวอร์ดส หรือ 'ออสการ์' ครั้งที่ 94 ในนครลอวแองเจลิสของสหรัฐฯ คงจะหนีไม่พ้นการหวดมือสุดแรงจากเจ้าของรางวัล 'นักแสดงชายยอดเยี่ยม' อย่าง วิล สมิธ เข้าอย่างจังที่ใบหน้าของ คริส ร็อก ดาราตลก นักแสดง และนักเขียนบทชื่อดัง จนทำเอาผู้ชมทั้งในงานและทั่วโลกอึ้งไปตามๆ กัน
"จาดา ผมรักคุณนะ ผมรอไม่ไหวจริงๆ ที่จะได้ชมหนังเรื่อง G.I. JANE 2"
ประโยกที่ดูจะธรรมดาแต่กลับกลายเป็นว่านี่คือมุกตลกที่ไม่ตลก แถมยังแตะไปที่ความเจ็บปวดของครอบครัวสมิธ เนื่องจาก จาดา พิงเก็ตต์ สมิธ ปรากฎกฎตัวในชุดอีฟนิงกาวน์สีเขียวจาก Jean Paul Gaultier Couture พร้อมทรงผม 'สกินเฮด' ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ของนางเอกเรื่อง G.I. JANE ที่โกนผมเพื่อรับบทนี้ นำแสดงโดย เดมี มัวร์
อย่างไรก็ตาม จาดา ไม่ได้อยาก 'โกนหัว' เพื่อแฟชั่นหรือการรับบทอะไรทั้งสิ้น เพราะเธอกำลังต่อสู้กับโรคผมร่วง (Alopecia) ที่เป็นอาการจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันต่อรูขุมขน ทำให้เธอยอมตัดสินใจโกนผม โดยที่ผ่านมาเธอแบ่งปันเรื่องราวการต่อสู้กับโรคนี้ผ่านทางโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง
หลังการเล่นมุกที่ดูจะ 'ไม่ตลก' นี้เสร็จ วิล สมิธ ที่ตอนแรกมีทีท่าหัวเราะไปตามน้ำ เขาตัดสินใจเดินขึ้นไปบนเวทีที่ร็อกกำลังกล่าวนำเข้ารางวัลต่อไป ก่อนจะ 'ตบหน้า' ของร็อกเข้าแบบเต็มแรง สร้างความตกใจให้กับคนทั้งงาน แต่เมื่อสมิธหันหลังเพื่อลงจากเวที เขาไม่ได้มีสีหน้าโมโหร้าย จนหลายคนแอบเข้าใจว่านี่คือการ 'จัดฉาก'
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นทุกคนเริ่มเข้าใจว่านี่คือเรื่องจริง ซึ่งร็อกก็แก้เก้อด้วยการกล่าวว่า "วิล สมิธ ตบผมซะ**แตกเลย" และปิดท้ายว่า "นี่คือโมเมนต์ใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์" ก่อนที่เขาจะเข้าสู่บทพูดต่อไป
หลายคนเข้าใจในความโกรธของวิลและความต้องการปกป้องครอบครัว แต่ก็มองว่าไม่ควรใช้กำลัง โดยเฉพาะบนเวทีการประกาศรางวัลอันทรงเกียรติแห่งนี้ ขณะที่หลายคนก็กล่าวว่าร็อก "สมควรได้รับบทเรียนแบบนี้แล้ว เพราะเอาเรื่องอาการป่วยที่ทุกข์ทรมานของผู้อื่นมาล้อเล่น"
ในการขึ้นรับราววัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากเรื่อง King Richard วิล สมิธ ได้กล่าวขอโทษผู้จัดงานอย่างสถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ของสหรัฐฯ ไปจนถึงทุกคน โดยไม่กล่าวถึงร็อกตรงๆ เขากล่าวทั้งน้ำตาว่านี่เป็นช่วงเวลาที่งดงาม เขาไม่ได้ร้องไห้ที่ได้รับรางวัลนี้ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การชนะรางวัลนี้สำหรับตัวเขาเอง แต่เป็นช่วงเวลาที่ต้องส่งแสงไปยังทุกๆ คน