ไม่พบผลการค้นหา
'สร้างอนาคตไทย’ เละ! ผู้บริหารพรรคขอเวลาอีก 2 วันให้คำตอบ คนที่เหลือจะไปอยู่ที่ไหน? เผยตอนไปดีลพลังประชารัฐ ย่องเงียบไม่บอกใคร รู้อีกทีก็เป็นข่าวแล้ว!

หลังจากที่แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) นำโดย อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค , สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และแกนนำพรรคอีกหลายคน ได้ย้ายเข้าไปร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น ล่าสุด ที่พรรค สอท.ได้มีการเรียกประชุมผู้ประสานงานแต่ละเขตของพรรคเพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีรายงานว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวภายใน 2 วัน ว่าผู้สมัครแต่ละคน จะไปสังกัดพรรคใด ทั้งนี้ มีการตั้งคำถามอย่างมากจากสมาชิกพรรคถึงความชัดเจนต่อจากนี้ รวมถึงมีการวิพากษ์วิจารณ์อดีตผู้บริหารพรรคว่าทิ้งผู้สมัครไว้กลางทาง 

ด้าน พันธุ์ปิติ โพธิ์วิจิตร ผู้ประสานงานพรรค เขตมีนบุรี กล่าวว่า เหตุผลที่ตนมาร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย เพราะอยากเห็นการเมืองที่สร้างสรรค์และเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ สร้างความสามัคคีท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้อย่างแท้จริงโดยไม่มีผลประโยชน์เพื่อนักการเมือง พรรคนั้นเป็นพรรคการเมืองในอุดมคติ ซึ่งพรรคสร้างอนาคตไทยที่เริ่มต้นด้วยการรวมตัวของคนที่มีอุดมการณ์ และตั้งเป้าไว้ว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศชาติ แต่สุดท้ายพรรคไม่ได้สานต่ออุดมการณ์ที่ตั้งไว้ด้วยการต่อรองทางการเมือง คนมีคุณภาพที่มีความตั้งใจอย่างแท้จริงก็ถอดใจ พรรคจึงไปต่อลำบาก

เมื่อถามว่า วันที่ 2 แกนนำคนสำคัญ กลับเข้าพลังประชารัฐมีการส่งสัญญานใดๆหรือไม่ พันธุ์ปิติ ตอบว่า ทางผู้บริหารพรรคไม่ได้ส่งสัณญาณล่วงหน้าให้ผู้สมัครเลย ผู้สมัครหลายๆ คนยังคงทำงาน ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ผู้สมัครทราบเรื่องจากข่าวที่ออกมา หลังจากนั้นจึงมีการเรียกประชุมในวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา

เมื่อถามว่า รู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้กลางทางหรือไม่ พันธุ์ปิติ ตอบว่า ตนไม่เคยคิดว่าตัวเองถูกทิ้งไว้ เพราะ 6-7 เดือนที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ และได้รับการต้อบรับอย่างอบอุ่น สัมผัสได้ถึงความจริงใจของคนในพื้นที่ และยังมีพวกเขาซึ่งมีความหมายมากกว่าการเป็นสมาชิกพรรค และที่ผ่านมาก็มีพรรคการเมืองอื่นๆเข้ามาทาบทาม ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรนั้น ต้องถามความเห็นจากพี่น้องในพื้นที่ก่อน ส่วนผู้สมัครคนอื่นๆนั้นไม่สามารถตอบแทนได้

ด้าน ณัทพัช อัคฮาด ผู้ประสานงานพรรค เขตลาดกระบัง กล่าวว่า สำหรับตอนนี้ตนก็ได้ยุติบทบาทในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตลาดกระบัง ของพรรคสร้างอนาคตไทยไปแล้ว ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นกับพรรคแบบที่ทุกคนรู้กัน พรรคสร้างอนาคตไทยไม่สามารถไปต่อได้อีกแล้ว จึงทำให้ไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนทางการเมืองในฐานะ ผู้สมัคร ส.ส.ได้ แต่ได้ให้คำสัญญาไว้กับคนในพื้นที่ ยังคงจะทำตามและดูแลในฐานะประชาชนต่อไป ส่วนอนาคตทางการเมือง ยังไม่คิดไปดำเนินการต่อภายใต้สังกัดพรรคไหน

เมื่อถามว่า วันที่ 2 แกนนำคนสำคัญ กลับเข้าพลังประชารัฐมีการส่งสัญญานใดๆหรือไม่ ณัทพัช ตอบว่า มีข่าวมาตลอดเรื่องรวมพรรค แต่ตนเป็นคนยืนยันว่า พรรคไปต่อได้โดยไม่ต้องรวมพรรค แต่ก็เคารพการตัดสินใจของผู้ใหญ่ในพรรค และทำหน้าที่เต็มที่แล้วในการยึดหลักการจนถึงวันสุดท้ายของพรรค ส่วนการดีลเพื่อกลับพรรคพลังประชารัฐ ทราบเรื่อง 2 วันก่อนที่จะมีแถลงการณ์รวมพรรคอย่างที่เป็นข่าว และโดยส่วนตัว ตนไม่ได้มีปัญหากับพรรคพลังประชารัฐ แต่โดยสถานะส่วนตัว ตนเป็นญาติผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ ปี 53 คู่กรณีของตนคือ พล.อ.ประวิตร ไม่สามารถร่วมงานกับพลังประชารัฐได้ และได้ให้คำมั่นสัญญากับคนในพื้นที่ว่าจะไม่ร่วมงานกับ 3 ป. และยึดถืออุดมการณ์ประชาธิปไตย

เมื่อถามว่า รู้สึกว่าเหมือนว่าตัวเองและผู้สมัครที่ไม่ได้ไปต่อ ถูกทิ้งไว้กลางทางหรือไม่ ณัทพัช กล่าวว่าเอาจริงๆ มันก็คิดได้ แต่ถ้ามองจากปัจจัยทางการเมืองทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนนี้จริงๆ การรวมพรรคมันก็เป็นเหตุเป็นผลที่ดีของพรรคเล็ก และก่อนหน้านี้ก็มีคนย้ายเข้าย้ายออก ไปมาๆตลอดเวลาจริงๆ ไม่ใช่แค่พรรคสร้างอนาคตไทย

แต่สำหรับตนแต่เข้ามาทำหน้าที่ผู้สมัครของพรรคก็ถือว่าเป็นพรรคที่สนับสนุนการทำงานที่ตอบโจทย์ประชาชนดีในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็ต้องยอมรับว่ามีความผิดหวัง เพราะเราเข้ามาเพราะอยากจะเป็นพรรคที่เป็นทางเลือกของประชาชนอีกเส้นทาง และปัญหาของพรรคสำหรับตน คือกระบวนการทำงานที่ล่าช้าและความไม่ชัดเจน