นายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในปี 2562 ยังคงชะลอตัว ซึ่งขณะนี้ในแง่ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 2 ติด 5 อันดับสุดท้ายของตลาดหุ้นโลก อยู่ในกลุ่มเดียวกับประเทศชิลี อินโดนีเซีย มาเลเซีย และโปแลนด์ เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มีความเชื่อมั่นที่จะลงทุน

ขณะที่ ประเทศที่มีปัญหาสงครามการค้า เช่น สหรัฐอเมริกาตลาดหุ้นเติบโตถึงร้อยละ 30 และจีนร้อยละ 20 เนื่องจากนักลงทุนยังมีความเชื่อมั่น ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงที่มีปัญหาความไม่สงบในประเทศมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าประเทศไทย ดังนั้นขอให้รัฐบาลเร่งสรุปมาตรการที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน

ทั้งนี้ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่จะนำกองทุนรวมระยะยาว (LTF) รวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เนื่องจากแต่ละกองทุนมีระยะเวลาการออมและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ซึ่งหากมีการรวมวงเงินกันอาจจะทำให้เม็ดเงินที่ผ่านเข้ามาในกองทุน LTF แต่ละปีประมาณ 50,000 ล้านบาท จะหายไปถึงครึ่ง ส่วนตัวยังมองว่ากองทุนใหม่ที่จะมาแทน LTF น่าจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีอยู่ที่ระดับ 200,000 – 250,000 บาท เพราะประเมินว่าจะเพียงพอที่จะมีเม็ดเงินเข้ามาในตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง

ส่วนระยะเวลาในการออม มองว่าไม่ควรเกิน 10 ปี ถ้ารัฐบาลอยากได้คนรุ่นใหม่เข้ามาออมเงินในตลาดทุน ซึ่งเพียงพอที่จะสร้างการออมในระยะยาวได้แล้ว แต่ถ้าเป็น 15 ปีตามความเห็นของ รมว.คลัง นั้นเห็นว่ายาวเกินไป ถ้ารัฐบาลอยากที่จะสร้างความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยก็ขอให้เร่งสรุปโดยเร็ว เพราะถ้าตลาดหุ้นขึ้น เศรษฐกิจก็จะดี แต่ถ้าตลาดหุ้นลงเวลาจะพูดหรือสื่อสารอะไรออกไปคนก็ไม่ค่อยมีความเชื่อมั่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• ตลท. ยันต่างชาติยังเชื่อมั่นลงทุนไทย
• ผู้ว่าแบงก์ชาติ ร่าย 5 เมกะเทรนด์ที่ภาคธุรกิจต้องเตรียมรับมือ
• สังคมไทยพร้อมแค่ไหน ถ้าไม่อยาก ‘แก่-ป่วย-จน’
• ส่องนโยบาย 'อาเบะโนมิกส์' ขึ้นภาษีการขายทั่วญี่ปุ่น
• 'ผลิตภาพแรงงานต่ำ' อุปสรรคกั้นเศรษฐกิจไทยหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง
• 'สังคมสูงวัย' อาจทำเศรษฐกิจทรุด หากไม่พร้อมรับมือ