เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 27 เม.ย. 2565 ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางมาเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นข้อเสนอของ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เสนอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและพักงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หลังถูกพาดพิงเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา และกรณีของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์ฯ ในช่วงนั้น โดย ทำท่าโบกมือและไม่ตอบคำถามใดๆ ก่อนจะเดินเข้าประชุม ก.ตร.ทันที
ฉุนหลังถูกถามปม 'รังสิมันต์' เสนอสอบสวนพักงาน 'ประวิตร' ปมคดีค้ามนุษย์
ภายหลังการประชุม ก.ตร. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งกรณี รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอให้ตั้งกรรมการตรวจสอบและพักงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หลังถูกพาดพิงเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์โรฮีนญา ว่า "เดี๋ยวให้ตำรวจชี้แจงนะ ก็คงคิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรผิด"
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นพร้อมเอานิ้วชี้เข้าหาตัวเอง โดยระบุว่า "คุณคิดว่าผมจะมีผลประโยชน์อะไรหรือ คุณคิดว่านายกรัฐมนตรีจะมีประโยชน์เป็นคนทุจริตหรือเปล่า เคยมีมั้ย อย่าไปให้ค่ามันมากนะ"
ก่อนที่นายกฯ จะเดินออกจากโพเดียม พร้อมกล่าวว่า "เอาเขามาเทียบกับผมอย่างนี้ไม่ได้นะ"
'ผบ.ตร.' ยัน 'บิ๊กเนม' คดีค้ามนุษย์ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายโดนแล้วทุกคน
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ชี้แจงถึงการทำคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ว่า เกิดเหตุตั้งแต่ปี 2558 โดยมี พล.ท.มนัส คงแป้น เป็นจำเลยซึ่งศาลตัดสินแล้วและเสียชีวิตในเรือนจำ ซึ่งสํานักงานตํารวจแห่งชาติตรวจสอบเรื่องนี้มาหลายรอบตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งตนขอให้ดูถึงภาพรวมคดี โดยมีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีไป 116 ราย ก็จะเห็นว่าไม่มีใครที่หลุดรอดการดำเนินคดี ส่วนบุคคลบางส่วนที่ยังไม่ถูกจับกุม ก็ได้ออกหมายจับไปแล้ว พร้อมยืนยันว่า จากการตรวจสอบบิ๊กเนมทั้งหลาย ไม่มีแล้วซึ่งโดนทุกคน จึงอยากให้เข้าใจว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
เมื่อถามว่าอย่างกรณีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการฟ้องเอาผิดคนที่ทำให้ภาพลักษณ์เสื่อมเสียหรือไม่ ผบ.ตร. ระบุว่า ก็ต้องไปดูว่าเข้าข้อกฎหมายหรือไม่ แต่ตามนโยบายต้องดูว่าทำให้เกิดความเสียหายกับรูปคดีหรือพนักงานสอบสวนหรือไม่ ซึ่งต้องว่าไปตามหลักการรายละเอียด ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตมันเป็นสิทธิทำได้
เมื่อถามต่อว่าเป็นการดิสเครดิตรัฐบาลหรือตำรวจไหม ผบ.ตร. ระบุว่า เรื่องดิสเครดิตมันอาจจะเป็นเจตนาพิเศษ แต่เราไม่อยากไปตรงนั้น ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ต้องมีคนหยิบฉวยประโยชน์เพราะเป็นธรรมชาติสังคม การชี้แจงสื่อต่างประเทศในส่วนของตำรวจก็ต้องทำ แต่ถึงอย่างไรตนอยากให้ดูในระยะยาว เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องถูกดำเนินคดีเกือบทั้งหมด
ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตำรวจยังไม่ได้มีการติดต่อกับ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมสอบสวนคดีค้ามนุษย์ฯ เพื่อสอบถามประเด็นดังกล่าว เพราะเบื้องต้นตำรวจได้พยายามสำรวจตรวจสอบไปหลายรอบแล้ว ซึ่งยังไม่เจอคนที่รอดจากคดีนี้
เมื่อถามย้ำว่ากรณีที่มีการพาดพิงถึง รองนายกฯ และอดีต ผบ.ตร. นั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ ระบุว่า เป็นสิ่งที่ พล.ต.ต.ปวีณ พูดในลักษณะตัวบุคคลซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเป็นยังไง พร้อมสมมติว่า หากเป็นอย่างที่อ้างจริง มีการช่วยเหลือกัน ผลก็ต้องไม่ออกมาเป็นอย่างนี้ และ พล.ท.มนัส ก็เสียชีวิตในเรื่องจำแล้ว คือถ้ามีการช่วยกันจริงคงไม่ใช่แบบนี้
"ถ้าช่วยกันจริงถามว่าช่วยได้หรือ คนๆเดียวทำได้หรือ เพราะพนักงานสอบสวนมีเป็นร้อย มันไม่ใช่ว่าคนๆนึง จะไปสั่งทั้งขบวนการ สมมติถ้าช่วยกันนะ"