นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กกต.ได้รับทราบผลสรุปภาพการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวานนี้
สรุปมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าคิดเป็นร้อยละ 86.98 จากจำนวนผู้มีสิทธิ์ที่ลงทะเบียนไว้กว่า 2 ล้าน 6แสนคน โดยมีหลายเขตเลือกตั้งที่มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เกินกว่าร้อยละ 90
ขณะที่ กกต.ได้รับรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน 3 กรณี กรณีที่ 1 ได้รับรายงานว่าอาจมีการกระทำทุจริตเลือกตั้ง 3 จังหวัด คือ
จ.สมุทรสาครที่มีผู้ใช้สิทธิ์นำบัตรเลือกตั้งทั้งเล่มไปเลือกผู้สมัครให้กับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง โดย กกต.ได้ทำลายบัตรเลือกตั้งทั้งเล่ม และส่งบัตรเลือกตั้งใหม่ไปแทนบัตรเลือกตั้งที่ทำลาย พร้อมกับแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจในท้องที่
ที่ จ.อุทัยธานี มีบุคคลนำบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนอื่นไปลงคะแนน ซึ่ง กกต.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำการดังกล่าวแล้ว
และที่จ.กาฬสินธุ์ ในเขตเลือกตั้งที่ 2 มีการทำเอกสารปลอมว่าผอ.ประจำเขตเลือกตั้งประกาศไม่รับสมัครผู้สมัครส.ส.พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง กกต.ได้แนะนำให้ผู้สมัครรายนั้นแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ
ประธาน กกต. กล่าวต่อว่า กรณีที่สอง คือการแจกบัตรเลือกตั้งให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผิดเขตเลือกตั้ง โดยเป็นกรณีที่ผู้มีสิทธิ์ยังไม่ลงคะแนน ซึ่งได้รับรายงานจากหลายจังหวัด โดย กกต.ได้จ่ายบัตรเลือกตั้งให้กับผู้มีสิทธิ์ใหม่ ส่วนกรณีการจ่ายบัตรเลือกตั้งผิดเขต ซึ่งผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนแล้ว กรณีนี้ไม่สามารถนำบัตรที่หย่อนลงหีบแล้วออกมาได้ จึงให้กรรมการประจำหน่วยฯบันทึกเหตุการณ์ไว้
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องแอปพลิเคชันสมาร์ทโหวตที่มีปัญหาในเวลา 08.30 น.ของเมื่อวานนี้ ได้แก้ไขเรื่องของ server เรียบร้อยแล้ว โดยใช้เวลาแก้ไขประมาณ 15 นาทีก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ
ส่วนเรื่องการปิดหน่วยเลือกตั้งนั้น หากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเข้ามาในเขตเลือกตั้งภายในเวลา 17.00 น. ก่อนปิดหีบ ผู้มีสิทธิ์สามารถใช้สิทธิ์ลงคะแนนต่อไปได้แม้จะเลยเวลา 17.00 น.ไปแล้ว เพราะถือว่าได้แสดงเจตจำนงในการขอใช้สิทธิ์แล้ว
ประธาน กกต.ยืนยันว่า ประเด็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ กกต.จะซักซ้อมทำความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยขึ้นอีกในวันที่ 24 มีนาคมที่เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป