Rule of Law หรือหลักนิติธรรม จะต้องสัมพันธ์ใกล้ชิดกับความมีอำนาจสูงสุดของรัฐสภา ระบอบประชาธิปไตย
หลักนิติธรรมที่มีประสิทธิผลของประเทศ จะช่วยลดการทุจริต ต่อสู้กับความยากจน และปกป้องประชาชนจากความอยุติธรรมทั้งเล็กและใหญ่ และยังหนุนการพัฒนาและสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนด้วย
World Justice Project หรือ WJP จัดอันดับนิติธรรมเป็นประจำทุกปี เรียกว่า RULE OF LAW INDEX โดยสำรวจ 142 ประเทศทั่วโลก และเพิ่งจะเปิดเผยรายงานล่าสุดของปี 2566
WJP นิยามหลักนิติธรรมว่า มี 4 องค์ประกอบหลักคือ
ในปี 2023 ประเทศที่มีหลักนิติธรรมสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
1.เดนมาร์ก
2.นอร์เวย์
3.ฟินแลนด์
4.สวีเดน
5.เยอรมนี
6.ลักเซมเบิร์ก
7.เนเธอร์แลนด์
8.นิวซีแลนด์
9.เอสโตเนีย
10.ไอร์แลนด์
ประเทศที่มีหลักนิติธรรมต่ำสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
133.มอริเตเนีย
134.คาเมรูน
135.เมียนมา
136.อียิปต์
137.นิคารากัว
138.คองโก
139.เฮติ
140.อัฟกานิสถาน
141.กัมพูชา
142.เวเนซุเอลา
WJP ใช้ปัจจัยหลัก 8 ประการในการวัดระดับนิติธรรม ประกอบกับอีก 44 ปัจจัยย่อย โดยใช้แบบสำรวจประชากรทั่วไปที่ดำเนินการโดยบริษัทชั้นนำด้านสำรวจความคิดเห็นในท้องถิ่น ใช้ตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของผู้ตอบแบบสอบถาม 1,0001 คนในแต่ละประเทศ ประกอบกับแบบสอบถามของผู้ตอบแบบสอบถามที่ผ่านการรับรอง (QRQ)ประกอบด้วยคำถามปลายปิดที่กรอกโดยผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการในประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ รัฐธรรมนูญ กฎหมาย เสรีภาพของพลเมือง และกฎหมายอาญา และยังมีการสอบถามจะตรวจสอบจากสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น ผู้คนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้หรือไม่ การตัดสินเป็นไปโดยผู้พิพากษาที่อิสระหรือไม่ ฯลฯ
8 ปัจจัยหลักในการชี้วัด ได้แก่
หากพิจารณาในภาพรวมทั้งโลก จะพบว่า มีอยู่ 82 ประเทศที่นิติธรรมถดถอยลง และมี 58 ประเทศที่นิติธรรมก้าวหน้าขึ้น อย่างไรก็ตาม นี่เป็นปีที่ 6 แล้วที่มีประเทศที่นิติธรรมถดถอย มีจำนวนมากกว่าประเทศที่นิติธรรมพัฒนาขึ้น
หากดูกระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง จะพบว่า ประเทศ 2 ใน 3 ทั่วโลกถดถอยลง สาเหตุหลักคือ การบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนกระบวนการยุติธรรมทางอาญา มี 56% ของประเทศทั่วโลกที่ถดถอย
ทั้งนี้ Rule of Law ของโลกถดถอยต่อเนื่องกันตั้งแต่ปี 2559-2566 จุดที่ถดถอยมากที่สุด คือ ช่วงพีคของการระบาดโควิดในปี 2563 เพราะมีประเทศถึง 78% ที่หลักนิติธรรมถดถอย