ฝ้าย BNK48 หรือ ฝ้าย-สุมิตรา ดวงแก้ว วัย 23 ปี ไอดอลสาวมากความสามารถ 1 ในสมาชิก BNK48 รุ่นที่ 2 ออกมาโพสต์โซเชียลส่วนตัว No one deserves to die just because they have different opinions. ไม่ควรมีใครต้องตายเพียงเพราะพวกเขาเห็นต่าง แสดงความคิดเห็นในประเด็นสังคม กับข่าว ‘นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์’ นักกิจกรรมที่โดนอุ้มหายตัวไปในประเทศกัมพูชาจนเกิดเป็น #Saveวันเฉลิม แม้ฝ้าย จะไม่ได้ติดแฮชแท็กดังกล่าวในประโยค แต่ก็เป็นการสื่อสารที่ทุกคนเข้้าใจว่าเธอต้องการสะท้อนมุมมองในเรื่องดังกล่าว โดยมีผู้คนเข้าไปกดไลค์ในคอมเมนต์ดังกล่าว มาถึง 7 พันไลค์ และแชร์ไปเกือบ 2 พันครั้ง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการแสดงความคิดเห็นในประเด็นสังคมของ ฝ้าย BNK48 ก่อนหน้านี้เธอได้ใช้พื้นที่โซเชียลออกมาร่วมแสดงจุดยืน #BlackLivesMatter เพื่อต่อต้านการเลือกปฏิบัติกับคนที่สีผิวต่างกัน 

สำหรับ ฝ้าย BNK48 เป็นไอดอลที่มีความสามารถ ด้านการร้อง เต้น เล่นกีตาร์ และตีกลอง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 

เช่นเดียวกับ วี-วีรยา จาง สมาชิก BNK48 รุ่นที่ 2 วัย 17 ปี แม้เธอจะไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมาตรงๆ แต่ได้ใช้โซเชียลโพสต์ข้อความให้แฟนคลับมองปัญหาในสังคม และศึกษาข้อมูล

"อยากให้ทุกคนใส่ใจกับปัญหาต่างๆ ในช่วงนี้มากๆ เลยนะคะ ใครที่ไม่เข้าใจอะไรก็ลองเปิดใจค้นคว้าเพิ่มเติมกันหน่อยน้าา มันส่งผลกับอนาคตและการดำรงชีวิตอยู่ในทุกวันนี้เลย ตัววีเองก็ไม่ได้รู้ข้อมูลและเข้าใจอะไรในเชิงลึกมากมาย แต่ก็พอเห็นข่าวต่างๆ ก็มีความเศร้าเหมือนกัน ที่เหตุการณ์ต่างๆ มันเกิดมากจากมนุษย์ด้วยกันเอง🥺ยังไงก็ช่วยทำในสิ่งที่ถูกต้อง เคารพในสิทธิ์ของทุกคน ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน สุดท้ายนี้ก็เสพข่าวกันอย่างมีสตินะคะ"

โดยก่อนหน้านี้เธอได้แชร์ข่าว การเจรจาข้อตกลง CPTPP หรือความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก

ขณะที่ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ​ หรือ เจนนิษฐ์ BNK48 รุ่นที่ 1 วัย 19 ปี เธอเป็นไอดอลอีก 1 คน ที่ใช้โซเชียลส่วนตัว เป็นกระบอกเสียงเรื่องราวในสังคมอยู่เสมอ และครั้งนี้เธอได้ตั้งคำถามกลับยังโลกออนไลน์ หลังมีประเด็นที่คนในโลกโซเชียล พยายามกดดันคนดัง อินฟลูอินเซอร์ ให้ใช้พื้นที่โซเชียลแสดงความคิดเห็น และขับเคลื่อนประเด็นต่างๆในสังคม ว่า

1.คนที่ไม่ได้ออกมามีรีแอคชั่นกับการรณรงค์หรือการต่อต้านเพื่อขับเคลื่อนอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือบุคคลสาธารณะ เพราะเหตุผลส่วนตัวใดใดก็ตาม คือผิดมั้ยคะ 

2.ถ้าผิดแสดงว่าทุกคนต้องออกมาแสดงจุดยืนให้ชัดเจนใช่มั้ยคะ หรือมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่จะใช้พื้นที่ของตัวเองทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ได้ แล้วการที่มีคนบังคับให้กลุ่มคนต้องใช้พื้นที่นั้นเป็นกระบอกเสียงตามที่ตัวเองต้องการ เป็นการลิดรอนสิทธิมั้ยคะ 

3.การ prioritize เรื่องของตนเองมาก่อนสถานการณ์บ้านเมืองนี่ผิดมั้ยคะ

โดยก่อนหน้าเธอได้โพสต์ชี้แจงถึงการแสดงความคิดเห็นประเด็นต่างๆในสังคมของเธอ พร้อมระบุการแชร์เรื่องราวต่างๆ ทางบริษัทต้นสังกัดไม่ได้ปล่อยให้อิสระ แต่เธอเองนั่นฝืนกฏ และโดนต่อว่าบ่อยครั้ง พร้อมย้ำไม่ได้สนับสนุนให้เพิกเฉย แต่ก็ไม่ควรบังคับให้แสดงความคิดเห็น

"ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ ช่วงนี้ทำงานและมีภารกิจส่วนตัวจนไม่ได้อัปเดทข่าวสาร ไม่มีเวลาเล่นโซเชียล ตกข่าวไปหลายประเด็น จนไม่ได้ใช้พื้นที่สื่อแชร์เป็นกระบอกเสียงเรื่องราวๆต่างๆ อย่างที่หลายๆ คนต้องการ

ถ้าใครสังเกตก็จะรู้ว่าไม่ค่อยแอคทีฟโซเชียลมาสักพักแล้ว แต่ตัวเองก็มีภารกิจสำคัญที่มีความจำเป็นต้องทำอยู่เหมือนกันค่ะ ก็ไม่รู้ว่ามันจะกลายเป็นข้ออ้างและโดนหาว่า ignore แล้วจะเลิกติดตามหรือเปล่า หนูก็ห้ามไม่ได้ 

แต่การแชร์อะไรต่างๆ ก็ไม่ใช่ว่าทางบริษัทจะปล่อยอิสระทุกอย่าง เราก็ต้องมีการตรวจบ้าง ซึ่งหนูก็แหกกฎอยู่บ่อยครั้ง จริงๆทุกวันนี้ที่แชร์เค้าไม่ให้แชร์ด้วยซ้ำค่ะ โดนว่าก็มีไม่ใช่ไม่โดนค่ะ มีหลายเรื่องที่อยากโพสต์แต่ก็โพสต์ไม่ได้เหมือนกันค่ะ 

ถ้าหนูไม่แน่ใจว่าเรื่องที่จะแชร์ว่ามันเข้าข่ายจะเป็นการทำผิดสัญญาหรือเปล่า หนูก็ต้องระวังหรือถามทุกครั้งค่ะ เพราะไม่ได้มีใครมารับโทษแทนหนู ซึ่งสัญญาสร้างมาเพื่อการทำอาชีพ ทำการแสดง ไม่ได้ครอบคลุมการเป็นกระบอกเสียง ค่อนไปทางไม่ให้เข้าไปเสี่ยงกับหลายๆเรื่องถ้าไม่จำเป็น ซึ่งเมมเบอร์จะออกมาพูดแต่ละครั้ง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่โดนตำหนิค่ะ" 

แต่เหตุผลหลักๆ คือ ช่วงนี้ไม่ได้ตามข่าวดูรายละเอียดดีดีด้วยซ้ำ หนูไม่รู้จะไปขอโพสต์อะไรเลยค่ะ หนูเห็นข่าวทุกอย่างผ่านๆ ถ้าแชร์หรือให้ข้อมูลอะไรผิดไป มันน่าจะเกิดผลเสียค่ะ หนูเพิ่งได้อ่านผ่านๆว่า CPTPP คืออะไร วันนี้เองค่ะ ยังไม่ค่อยเข้าใจเลยด้วยค่ะ

ต้นสายปลายเหตุก็ยังไม่ไ้ด้อ่าน 

ในส่วนของการแชร์ศิลปิน พูดตรงๆหนูไม่รู้ว่าคัมแบคเพลงอะไรด้วยซ้ำค่ะ บางทีเห็นแค่รูปหรือเพื่อนส่งมาก็แชร์ไม่ให้สตอรี่เงียบ 

หนูไม่ได้สนับสนุนให้ ignore แต่สำหรับบางคนอาจจะไม่รู้หรือไม่ได้ชอบดูเรื่องราวสถานการณ์บ้านเมือง หรือมีเหตุผลส่วนตัวอื่นๆก็ได้นะคะ ไม่อยากให้เกิดการบังคับอะไรกันเกิดขึ้น คนที่ทำก็ชื่นชมค่ะ แต่คนที่ไม่ทำก็ไม่อยากให้ไปตำหนิกันเกินไปนะคะ ใจเขาใจเราเนาะ 

ก็ไม่รู้หลังกดโพสต์นี้ จะโดนบอมบ์มั้ย หนูทำใจรอรับแรงกระแทกค่ะ แต่ถ้ามีก็คงยังไม่ว่างอ่านในวันนี้ ขอบคุณค่ะ"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• เมื่อประเด็นการเมืองทับซ้อน 'โลกบันเทิง' เลือกเงียบหรือพูด ?