ผู้สื่อข่าวรายงานจากพัทลุงว่า พล.ต.ต.ธรัฐชา ถมปัทถ์ ผบก.ภจว.พัทลุง พร้อมด้วย พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภจว พัทลุง พ.ต.ท.วิรัตน์ จีนเมือง หน.ชุด ชปส.ภจว.พัทลุง นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจพัทลุง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 และเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 50 นาย บุกเข้าช่วยเหลือ นายท้าวไมน้อย ลอวันไซ อายุ 30 ปี หนุ่มชาวลาว หลังได้รับแจ้งว่าหนุ่มคนดังกล่าวถูกกักตัวที่อยู่ในพื้นที่ ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง
ทันทีที่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายท้าวไมน้อย ได้วิ่งเข้าไปเพื่อขอความช่วยเหลือในสภาพที่หวาดกลัว พร้อมเล่ากับเจ้าหน้าที่ว่า ถูกชายเจ้าของบ้านพร้อมพวกรวม 3 คน ใช้อาวุธปืนข่มขู่และทำร้ายร่างกาย กักบริเวณ ไม่ให้ไปไหน จนกว่าตนจะสั่งซื้อกัญชาอัดแท่งจำนวน 500 กิโลกรัมจากประเทศลาวให้ จึงจะยอมปล่อยตัว
โดยจากการเข้าช่วยเหลือหนุ่มลาวดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการประสานจากสถานทูต สปป.ลาว ผ่าน สนง.ปปส ว่ามีหนุ่มลาวถูกคนไทยกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อแลกค่าปล่อยตัวเป็นกัญชาจำนวน 500 กิโลกรัม ในพื้นที่ ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง
หลังเข้าช่วยเหลือหนุ่มลาว เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า มีการติดต่อกับกลุ่มชาวไทยผ่านจากเฟซบุ๊กเมื่อ 6 เดือนก่อน โดยการมีการพูดคุยกับเรื่องธุรกิจค้าข้าว และอาหารทะเล คุยกันจนหนุ่มลาวหลงเชื่อว่าชายไทยทำธุรกิจเกี่ยวกับข้าวและอาหารทะเลจริงจึงขอมาดูกิจการ กระทั่งในวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางออกจากประเทศ และกลุ่มคนไทยใช้รถยนต์เก๋ง โตโยต้าวีออส สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน กง 1777 พัทลุง ไปรับในคืนวันที่ 1 พ.ค. 2562 ที่สถานีขนส่ง จังหวัดสงขลา และกลุ่มคนไทยทั้ง 3 คนพาหนุ่มลาวไปดูสถานบริการที่บอกว่าพวกเขาเป็นเจ้ากิจการในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ก่อนจะพามาอยู่ที่บ้านในพื้นที่ ต.นาโหนด อ .เมืองพัทลุง พร้อมชายทั้ง 3 คนได้เจรจาว่าธุรกิจของพวกเขาในประเทศมาเลเซียมีปัญหาให้หนุ่มลาวช่วยหากัญชา มาให้จำนวน 500 กิโลกรัม
โดยตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่บ้านของกลุ่มชายไทย หนุ่มลาว บอกเจ้าหน้าที่ว่า ถูกกักตัวและและทำร้ายร่างกาย พร้อมถูกบังคับห้ามแจ้งตำรวจ และมีคนเฝ้าตลอด แต่กลุ่มชายไทยยอมให้ใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อญาติเพราะหวังจะให้ติดต่อเพื่อสั่งกัญชา โดยหนุ่มลาวใช้วิธีประวิงเวลา และหลอกล่อว่าจะสั่งกัญชาให้ เพื่อรอให้ญาติประสานทางสถานทูตที่ลาว และให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวเจ้าของบ้านพร้อมพวกอีก 2 คนประกอบด้วย นายกรชวัต นะคงคา อายุ 35 ปี ชาวจ.สุรินทร์ และนายศราวุธ เตยแก้ว อายุ 33ปี ชาว จ.สตูล พร้อมอาวุธปืนยาวเดียวไรเฟิล ขนาด .22 และอาวุธปืนยาวเดี่ยว รวม 3 กระบอก อาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม จำนวน 1 กระบอกซองบรรจุกระสุนปืน พร้อมเครื่องกระสุน อีกเกือบ 100 นัด โทรศัพท์มือถือจำนวน 6 เครื่อง ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว เพื่อให้เสื่อมสิทธิเสรีภาพโดยมีและใช้อาวุธปืนข่มขู่ กักขังหน่วงเหนี่ยวบุคคลอื่นซึ่งให้ได้มาซึ่งค่าไถ่
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ พร้อมไม่ยอมให้การใด ๆ ในชั้นสอบสวน ระบุจะให้การในชั้นศาล ส่วนจากการตรวจสอบเบื้องต้นปืนทั้งหมดมีใบอนุญาตครอบครอง ทุกกระบอก แต่เจ้าหน้าที่ได้รับการยืนยันว่า อาวุธปืนดังกล่าวได้ใช้ในกระทำการข่มขู่หนุ่มชาวลาวจึงได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อเป็นของกลาง และจะทำการตรวจสอบเทียบเคียงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ว่าเคยใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่
ส่วนหนุ่มลาว ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสอบปากคำในฐานะผู้เสียหาย พร้อมให้ประสานญาติที่ประเทศลาว ก่อนจะดำเนินการส่งกลับประเทศต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :