วันที่ 3 ก.พ. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล เสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แถลงชี้แจงเกี่ยวกับกรณีที่ วีระ สมความคิด ประธานยุทธศาสตร์แผนงานต้านคอร์รัปชั่น เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเปิดโปงกรณีที่ถูกหลอกว่าจะสามารถวิ่งเต้นให้ชนะการประกวดราคาโครงการของรัฐได้ เมื่อปี 2563 ซึ่งมีมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท
โดย เสกสกล ระบุว่า ตนเป็นฝ่ายถูกตบทรัพย์ เรื่องนี้เกิดช่วงเดือนเมษายน 2565 เป็นช่วงเดียวกับที่ตนมีประเด็นเรื่องคลิปเสียง จึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิต และเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียก 'เอกลักษณ์' (สงวนนามกุล) มาให้ข้อมูล อีกทางหนึ่งก็มีผู้ใหญ่บอกว่าจะเคลียร์เรื่องดังกล่าวให้ นึกว่าจะจบแต่กลับมาเล่นงานตนในช่วงนี้อีก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ที่สำคัญไม่รู้ว่านายเอกลักษณ์เสียหายอะไร ตนไม่เคยรับอะไรมาจาก เอกลักษณ์ เพราะ เอกลักษณ์ อ้างว่า ชัยพล วรกิจธนาอิทธิ์ หรือ เฮียบุ๊ง คือผู้ที่เสียหาย ตนยืนยันตนไม่เคยรับอะไรจากเฮียบุ๊งเช่นเดียวกัน ที่สำคัญเฮียบุ๊งก็เป็นพยานให้กับตนที่สน.ดุสิต
เสกสกล กล่าวต่อว่า เอกลักษณ์ คุกคามตนมาถึง 3 ครั้ง โดยเฉพาะช่วงตนมาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ คือตอนตนไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ครั้งที่ 2 คือวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดตัวร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ และครั้งที่ 3 ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ตนได้แจ้งความดำเนินคดีไว้หมด เมื่อนายเอกลักษณ์รู้ว่าตนแจ้งความไว้ ก็ไปแจ้งความตนข้อหาทำร้ายร่างกายอีก 7 วันให้หลัง ประเด็นนี้ตนจะแจ้งความกลับ แก๊งค์นี้ต้องเอาเข้าคุกให้ได้ ไม่ปล่อยไว้
เสกสกล ยังกล่าวอีกว่า วีระ ก็ตกเป็นเครื่องมือของเอกลักษณ์โดยไม่มีการตรวจสอบ ไม่เข้าใจว่าหวังผลทางการเมืองดิสเครดิตตนในช่วงที่ทำงานการเมืองให้พรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ ส่วนที่อ้างข้อความไลน์นั้น ยืนยันไม่ใช่ของจริงไม่ใช่ไลน์ของตนใครจะทำขึ้นมาก็ได้ สำหรับที่ขู่เปิดคลิปเสียงนั้นตนเองก็มีไว้ทั้งหมดแต่ที่ยังไม่เปิดกลัวเสียรูปคดียืนยันตนคือผู้บริสุทธ์ 100% หลังจากนี้จะเอาแก๊งนี้เข้าคุกให้หมด