ไม่พบผลการค้นหา
ครม.เห็นชอบโครงการ 'คนละครึ่งเฟส 2' ลงทะเบียน 16 ธ.ค. นี้ พร้อมเห็นชอบเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นเดือนละ 500 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน

อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 วงเงิน 22,500 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ โดยการทำโครงการครั้งนี้ กำหนดจำนวนผู้ได้รับสิทธิ 15 ล้านคน แยกเป็น ผู้ลงทะเบียนได้รับสิทธิรอบแรกไปแล้ว 10 ล้านคน จะได้รับเงินเพิ่ม 500 บาท และผู้ลงทะเบียนใหม่ 5 ล้านคน ได้รับเงิน 3,500 บาท คาดว่าจะเปิดลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป และเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.64 โดยกระทรวงการคลังจะกำหนดรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง

ทั้งนี้ ในเงื่อนไขโครงการยังกำหนดไว้เหมือนคนละครึ่งระยะแรก โดยจะใช้จ่ายได้วันละ 150 บาท ซึ่งรัฐบาลจะออกให้ครึ่งหนึ่ง โดยในส่วนของประชาชนที่ได้รับสิทธิไปแล้วและไม่ได้ใช้ใน 14 วัน จะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก ก่อนนำสิทธินั้นไปเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ และคนที่ได้รับสิทธิโครงการทั้ง 2 เฟสแล้วจะไม่สามารถนำไปใช้สิทธิโครงการช้อปดีมีคืนได้ โดยโครงการนี้คาดว่าจะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 45,000 บาท มีผลต่อจีดีพีขยายตัว 0.15% แต่ถ้าหากรวมกับโครงการระยะแรกแล้ว คาดว่า จะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนมากถึง 1.05 แสนล้านบาท และทำให้จีดีพีขยายตัว 0.32%

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าล่าสุดของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 8 ธ.ค. 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 9.4 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9,537,093 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 39,318 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 20,091 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 19,227 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 176 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรีนครศรีธรรมราช และเชียงใหม่ ตามลำดับ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายังคงสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง


เพิ่มวงเงิน 500 บาทผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

นอกจากนี้ ที่ประชุมครม.ยังเห็นชอบโครงการช่วยเหลือกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับผู้ถือบัตรคนละ 500 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 31 มี.ค. 2564 ครอบคลุม 13.75 ล้านคน วงเงิน 20,635 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :