ไม่พบผลการค้นหา
วันนี้ (21 ส.ค.2657) ที่ประชุมสภาฯ ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในวาระที่ 3 ด้วยคะแนนเสียง 409 เสียง

วันนี้ (21 สิงหาคม 2567) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ. ... กล่าวว่า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในวาระที่ 3 เป็นที่เรียบร้อย ด้วยคะแนนเสียง 409 เสียง จากทั้งหมด 410 เสียง และจะนำส่งไปยังสมาชิกวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป นับเป็นความสำเร็จในขั้นต้น เพื่อถอดสลักตัวแรกที่ปิดตายการแก้ปัญหาประเทศ เดินหน้าสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านกลไกการออกเสียงประชามติ ให้มีกติกาที่เป็นสากล ปฏิบัติได้จริง และสอดคล้องกับบริบทในสังคมไทยมากขึ้น เพื่อให้ในอนาคตการหาคําตอบในเรื่องต่างๆในสังคม สามารถใช้กลไกนี้ได้อย่างเป็นธรรม ภายใต้การนำของรัฐบาลเพื่อไทย

xx5.jpg

นายชนินทร์ กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านสภานี้ มีการแก้สาระสำคัญใน 3 ประเด็นหลัก หรือ “3 เพิ่ม” ได้แก่

1. เพิ่มความคล่องตัวในการทำประชามติ โดยเปิดให้สามารถจัดการออกเสียงประชามติในวันเดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไปอื่นได้ และใช้เขตลงคะแนนนั้นๆในการดำเนินการได้

2. เพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยกำหนดให้การออกเสียงกระทำได้ด้วยวิธีที่หลากหลาย ทั้งการใช้บัตรออกเสียงแบบปกติ, การออกเสียงทางไปรษณีย์, การออกเสียงโดยเครื่องลงคะแนน, การออกเสียงทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือออกเสียงโดยวิธีอื่น และกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมทั้งจากผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการออกเสียงนั้น

3. เพิ่มความเป็นธรรม โดยปรับเกณฑ์การได้ข้อยุติในการออกเสียง จากรูปแบบ ”เสียงข้างมาก 2 ชั้น“ (Double Majority) ให้เป็น “เสียงข้างมากธรรมดา” (Plurality หรือ Simple Majority) ตามร่างของพรรคเพื่อไทย หรือคือ ตัดเงื่อนไขเกณฑ์ขั้นต่ำของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ และคงไว้เพียงว่า “เสียงเห็นชอบ” ต้องเป็นเสียงที่มากที่สุดของผู้มาลงคะแนนเท่านั้น

“ข้อเรียกร้องของสังคมเรื่องการแก้กติกาในรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นธรรม และสอดคล้องกับบริบทในสังคม เราเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองทุกพรรค ที่ต้องการเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง“ นายชนินทร์กล่าว