ไม่พบผลการค้นหา
‘ปิยบุตร’ โพสต์เฟซบุ๊กจี้ ส.ส.ต้องผลักดัน ‘ยกเลิก ม.112’ ชี้ไม่ควรมีใครต้องติดคุกเพราะใช้เสรีภาพการแสดงออก "เราปล่อยให้อนาคตของชาติถูกดำเนินคดีแบบนี้ต่อไปไม่ได้"

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง บุกจับนักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กลางดึกด้วยข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ ม.112 เมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.64) ล่าสุดเฟซบุ๊กเพจ Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์ข้อความแสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า 

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีปัญหาในทุกมิติ ทั้งในแง่ของตัวบทกฎหมาย ในแง่ความไม่ได้สัดส่วนของอัตราโทษ ในแง่การนำมาใช้และตีความในแง่ของอุดมการณ์ที่กำกับอยู่เบื้องหลัง เขาให้ความเห็นว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งเป็น “ผู้แทน” ของ “ราษฎร” ต้องผลักดันร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกมาตรา 112 โดยเร็วที่สุด 

ในการณ์นี้อาจใช้โอกาสยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น ทั้งระบบไปในคราวเดียวกัน ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ประมุขรัฐต่างประเทศ เอกอัครราชทูต ศาล เจ้าพนักงาน ไปจนถึงบุคคลธรรมดา ให้ไปว่ากล่าวกันทางแพ่ง และควรแก้ไขกฎหมายหมิ่นประมาททางแพ่ง ให้มีเหตุยกเว้นความผิดในกรณีวิจารณ์โดยสุจริต เป็นประโยชน์สาธารณะ

เขากล่าวต่อว่า การยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น เป็นทิศทางที่สอดคล้องกับหลักสากล และนานาอารยประเทศ ในศตวรรษที่ 21 ไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพียงเพราะการใช้เสรีภาพในการแสดงออก 

“เราปล่อยให้อนาคตของชาติ โดนตั้งข้อหา ดำเนินคดีแบบนี้ต่อไปไม่ได้ พวกเขาเสียสละเสรีภาพ และอาจรวมถึงร่างกาย ชีวิตด้วย เพื่อการต่อสู้ เทียบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้ว สิ่งที่เสียไปน้อยกว่าพวกเขามาก”

เขากล่าวต่อว่า ต้องไม่ลืมว่าเงินเดือน ตำแหน่ง คะแนนเสียงจำนวนมาก ของ ส.ส.หลายคน ก็มาจากพวกเขา ดังนั้น การแสดงความกล้าหาญ ต่อสู้เพื่อพวกเขา เพื่ออนาคตของชาติ เพื่อประเทศไทย ด้วยการผลักดันแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่ต้องกระทำอย่างยิ่ง

"ผมทราบดีว่า แม้ ส.ส.จะร่วมกันเสนอร่าง พ.ร.บ. ยกเลิก 112 แล้ว ก็อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร อาจเจอกลยุทธ์เตะถ่วงไม่ใช่ “วาระด่วน” ต้องต่อแถวญัตติอื่นๆจนสภาหมดอายุก็ยังไม่ได้พิจารณา แต่อย่างน้อย การเสนอร่างฯเข้าไปก่อน ก็เป็นการเปิดพื้นที่ให้กับการรณรงค์ กดดันต่อเนื่องต่อไป"

“รัฐบุรุษ กับ นักการเมือง ต่างกันตรงที่นักการเมืองคิดถึงการเลือกตั้งครั้งถัดไป แต่รัฐบุรุษคิดถึงอนาคตของชาติ คิดถึงคนรุ่นถัดไป” ปิยบุตรกล่าวทิ้งท้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง