ไม่พบผลการค้นหา
ศรีสุวรรณ รับลูก ส.ว. สมชาย จี้ กกต. ตรวจสอบไลน์หลุด ชงยุบ 'เพื่อไทย' ปม 'ทักษิณ' ครอบงำพรรค

3 พ.ค. 2566 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการตรวจสอบ ไต่สวน สอบสวน กรณีมีภาพข้อความแชทไลน์หลุดของบุคคลที่มีชื่อเดียวกันกับอดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่แดนไกล กับบุคคลที่อ้างว่าเป็นแกนนำเสื้อแดงซึ่งกำลังหาเสียงเลือกตั้งให้กับพรรคการเมืองใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน โดยมีการโอนเงินล้านให้ไปทำกิจกรรมดึงคนเสื้อแดงที่แปรพักตร์กลับมา ซึ่งเข้าข่ายความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่

ทั้งนี้สืบเนื่องจากสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภาได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมระบุข้อความว่า ไลน์หลุดครับนาย ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ยุบพรรค กกต.รู้หรือยัง หลักฐานไลน์หลุดชิ้นสำคัญนี้แค่ออเดิร์ฟการเมือง เห็นชัดถึงการสั่งการ ครอบงำพรคการเมือง และการจ่ายเงินซื้อเสียง ผ่านกลุ่มบุคคล เพื่อเอาชนะเลือกตั้งของนาย ซึ่งกำลังจะทำให้พรรคการเมืองหนึ่งถึงกับแลนด์ไถลเข้าสู่การอาจถูกยุบพรรคได้ในเร็วๆ นี้ พร้อมกับมีภาพของหน้าเพจไลน์ที่ก๊อปออกมาเผยแพร่รวม 4 ภาพพร้อมข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งข้อความในไลน์ดังกล่าวที่ปรากฏข้อความและภาพ อาทิ (1) กราบเท้านาย ที่เคารพรักยิ่ง คนในพรรค : ได้นัดคุย 6 จังหวัด มีข้อสรุปคือโครงการชวนเสื้อแดงกลับบ้าน ให้ชนะแลนด์สไลด์ เป็นพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล ให้นายกลับบ้านให้ได้ นาย:ใช้เงินเท่าไหร่ (2) 20 จังหวัด (24 กลุ่ม) จังหวัดละ 3 แสนบาทค่ะนาย แต่จะเป็นภารกิจจ่ายตามสภาพของแต่ละกลุ่ม นาย :ได้พิมพ์ตอบว่า 300,000 X 20 = 6,000,000 เยอะอยู่นะใครจะดูแล ส่งไปรวมทีเดียวหรือกระจาย และสุดท้ายได้พิมพ์ว่า “วันนี้ส่งให้ 1 ล้านก่อน” ฯลฯ

กรณีดังกล่าว หากเป็นข้อเท็จจริง อาจถือได้ว่าว่าเป็นพฤติการณ์ที่จงใจฝ่าฝืนมาตรา 73(1) มาตรา 75 ประกอบมาตรา 158 ของพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร2561 ที่บัญญัติห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนน ไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคํานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด 

รวมทั้งห้ามมิให้ผู้ใดเรียกหรือรับทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้สมัครอื่นหรือ พรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้ง และทําให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี รวมทั้งอาจนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้ด้วย

ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไรนั้นต้องให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบได้พิจารณาไต่สวน สอบสวน และเอาผิดตามกฎหมาย วันนี้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงได้นำความพร้อมพยานหลักฐานมาร้องเรียนชี้เบาะแสให้ กกต. ดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด