ไม่พบผลการค้นหา
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้ผ่านมติเรียกร้องให้มีการ “การหยุดและเปิดระเบียงมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วนและขยายออกไปทั่วฉนวนกาซา” เพื่อช่วยให้สามารถมีการส่งความช่วยเหลือและการอพยพทางการแพทย์เข้าไปในพื้นที่ได้ หลังจากความพยายามในการลงมติดังก่อนหน้านี้ ประสบกับล้มเหลว 4 ครั้ง เพื่อตอบสนองต่อสงครามอิสราเอล-ฮามาส

วาเนสซา ฟราเซียร์ เอกอัครราชทูตมอลตาประจำสหประชาชาติ กล่าวกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า มติการหยุดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งนำเสนอโดยมอลตาเมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา (15 พ.ย.) ยังเรียกร้องให้มีการเปิด “ระเบียงทั่วฉนวนกาซาเป็นระยะเวลาที่เพียงพอ” เพื่อปกป้องพลเรือนโดยเฉพาะเด็ก นอกจากนี้ มติยังมีการเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันในฉนวนกาซาโดยไม่มีเงื่อนไข

มติการหยุดเพื่อมนุษยธรรมในครั้งนี้ ได้รับการลงคะแนนเห็นชอบจาก 12 ชาติสมาชิก ในขณะที่อีก 3 ชาติสมาชิกอย่างรัสเซีย สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติถาวร ลงมติงดออกเสียง

อย่างไรก็ดี มติการหยุดเพื่อมนุษยธรรมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาตินี้ ไม่มีการกล่าวถึงการหยุดยิง และไม่ได้กล่าวถึงการโจมตีของกลุ่มฮามาสในพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอล เมื่อช่วงวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางการอิสาราเอลระบุว่ากลุ่มฮามาสได้คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 1,200 คน และอีก 240 คนถูกจับเป็นตัวประกัน มติยังไม่กล่าวถึงการโจมตีตอบโต้ทางอากาศของอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซาระบุว่า ได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วอย่างน้อย 11,000 ราย ซึ่ง 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงและเด็ก

มติยังระบุอีกว่า เชื้อเพลิงยังเป็นสิ่งที่ถูกรวมเข้าไปในรายการสิ่งของต่างๆ ที่จะต้องได้รับอนุญาตให้ถูกส่งเข้าไปในฉนวนกาซา “อย่างไม่ถูกจำกัด” นอกจากนี้ มติยังกำหนดให้เลขาธิการสหประชาชาติต้องรายงานการดำเนินการในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นในตะวันออกกลางในครั้งต่อไปด้วย

กิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ ออกมาตอบโต้อย่างรวดเร็วว่ามติดังกล่าวจะ “ไม่มีความหมาย” พร้อมระบุว่ามตินี้ “ตัดขาดจากความเป็นจริง” พร้อมกันนี้ เออร์ดานยืนยันว่าอิสราเอลกำลังปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นข้อกล่าวอ้างที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนวิจารณ์ว่าไม่เป็นไปตามความเป็นจริง

“น่าเสียดายที่คณะมนตรียังคงไม่สามารถประณาม หรือเอ่ยถึงการสังหารหมู่ที่กลุ่มฮามาสก่อขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และนำไปสู่สงครามในฉนวนกาซา” เออร์ดานระบุบน X “นี่ถือเป็นความอับอาย” พร้อมกันนี้ เออร์ดานกล่าวอีกว่ากลยุทธ์ของฮามาส คือการ “จงใจทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาแย่ลง และเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์ เพื่อใช้สหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคง ในความพยายามที่จะหยุดอิสราเอล” ซึ่งเออร์ดานกล่าวย้ำว่า “มันจะไม่เกิดขึ้น” 

ก่อนหน้านี้ ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ประณามสมาชิกคณะมนตรีที่เธอกล่าวว่ายังไม่ได้ประณามกลุ่มฮามาส “ดิฉันอยากจะบอกว่าดิฉันรู้สึกตกใจมากที่สมาชิกบางชาติของคณะมนตรีนี้ ยังไม่สามารถประณามการโจมตีของผู้ก่อการร้ายป่าเถื่อน ที่กลุ่มฮามาสได้กระทำต่ออิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.” โธมัส-กรีนฟิลด์กล่าว “พวกเขากลัวอะไร ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับการไม่ประณามการกระทำที่เป็นการก่อการร้ายเหล่านี้”

ก่อนการลงคะแนนเสียงร่างมติโดยมอลตา เอกอัครราชทูตมอลตาประจำสหประชาชาติกล่าวว่า มติดังกล่าว “มีเป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการบรรเทาทุกข์จากฝันร้ายในฉนวนกาซาในปัจจุบัน และมอบความหวังให้กับครอบครัวของเหยื่อทุกราย”

ทั้งนี้ มีการแก้ไขมติในนาทีสุดท้ายที่นำโดยรัสเซีย ซึ่งเรียกร้องให้มี “การหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมโดยทันที คงทน และยั่งยืน ซึ่งนำไปสู่การยุติความเป็นปรปักษ์” อย่างไรก็ดี การเสนอการแก้ไขมติดังกล่าวประสบกับความล้มเหลวในการได้รับคะแนนสนับสนุนที่จำเป็น โดยมีสมาชิกคณะมนตรีเพียง 5 ชาติจากทั้งหมด 15 ชาติลงคะแนนเสียงเห็นชอบ ในขณะที่สหรัฐฯ ลงมติคัดค้าน

ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มติก่อนหน้านี้ 4 ครั้งประสบล้มเหลวในคณะมนตรีความมั่นคง โดยเป็นมติ 2 ครั้งที่นำเสนอโดยรัสเซีย แต่กลับขาดคะแนนขั้นต่ำที่จำเป็นเพื่อรับรองมติ ตามมาด้วยมติที่เสนอโดยบราซิล ซึ่งถูกสหรัฐฯ ลงมติยับยั้ง และมติอีกครั้งที่ถูกเสนอโดยสหรัฐฯ แต่ถูกรัสเซียและจีนลงมติยับยั้ง ทั้งนี้ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร สามารถใช้อำนาจยับยั้งในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้

มติเบื้องต้นที่ร่างโดยบราซิลเรียกร้องให้มีการหยุดด้านมนุษยธรรมชั่วคราว แต่ถูกสหรัฐฯ ลงมติยับยั้งเนื่องจากไม่ได้ "กล่าวถึงสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล" ในขณะที่มติที่ร่างโดยสหรัฐฯ ในเวลาต่อมาได้ระบุถึง “สิทธิในการป้องกันตนเอง” ของอิสราเอล แต่ไม่ได้เรียกร้องให้มีการหยุดด้านมนุษยธรรม ส่งผลให้รัสเซียและจีนลงมติยับยั้ง ทั้งนี้ ร่างมติของรัสเซีย 2 มติต่อมาไม่ได้ถูกลงมติยับยั้ง แต่ไม่ได้รับคะแนนเสียง 9 เสียงที่จำเป็นเพื่อให้ได้รับอนุมัติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ


ที่มา:

https://www.aljazeera.com/news/2023/11/15/unsc-adopts-resolution-calling-for-extended-humanitarian-pauses?fbclid=IwAR2crdcBADvwk3InAIDvhNsADwQff3g8czcJZHDOTpgPVh4jGdHgNLxQE5I