ผู้ประท้วงมากกว่า 2,500 คน รวมถึงพนักงานในบริษัทการบินเองรวมตัวกันสวมเสื้อสีดำไปยึดส่วนหนึ่งของสนามบินนานาชาติฮ่องกง เพื่อนั่งประท้วงต่อต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปให้จีนแผ่นดินใหญ่และต่อต้านรัฐบาลฮ่องกง โดยหวังว่าการเดินทางไปสนามบินครั้งนี้จะทำให้ชาวต่างชาติเข้าใจและสนับสนุนการประท้วงมากขึ้น

ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสนามบินได้สั่งให้มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในสนามบิน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้โดยสารมีเวลามากพอก่อนเดินทาง ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานว่ามีเที่ยวบินล่าช้าแต่อย่างใด

ผู้ประท้วงได้ยึดบางส่วนในสนามบินเพื่อนั่งประท้วง โดยมีการตะโกนข้อความให้รัฐบาลฮ่องกงถอดถอนกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปอย่างถาวร อีกทั้งยังมีการตะโกนว่า “free Hong Kong” เพื่อส่งสารให้จีนแผ่นดินใหญ่ปล่อยให้ชาวฮ่องกงมีสิทธิเสรีภาพตามหลักการ “หนึ่งประเทศสองระบบ”

ส่วนผู้ประท้วงบางกลุ่มก็เดินไปทั่วสนามบินเพื่อพูดคุยกับนักท่องเที่ยว พร้อมแจกใบปลิวทั้งภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ข้อมูล “ที่ถูกต้อง” เกี่ยวกับเหตุการณ์ ม็อบเสื้อขาวที่ไล่ตีผู้โดยสารรถไฟที่สถานีรถไฟใต้ดินหยุ่นหลง หลังกลับจากการประท้วงเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เหมือนกับสิ่งที่ตำรวจและรัฐบาลฮ่องพยายามบอกกับสาธารณะ

แอร์โฮสเตสที่เข้าร่วมการประท้วงคนหนึ่งกล่าวว่า ผู้ประท้วงต้องการบอกเล่าข่าวสารให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบเกี่ยวกับฮ่องกง เพราะฮ่องกงต้องการให้ต่างชาติช่วยเป็นปากเสียงให้ชาวฮ่องกง เธอกล่าวว่า หลายคนอาจได้เห็นข่าวตามโทรทัศน์ แต่อาจไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด ผู้ประท้วงจึงอยากอธิบายให้ต่างชาติเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในฮ่องกงขณะนี้

การประท้วงที่สนามบินทำให้มีผู้สนใจยืนมุงดูการประท้วงได้จำนวนมาก และผู้ประท้วงยังสามารถล่ารายชื่อนักท่องเที่ยว แรงงานในโรงานอุตสาหกรรม และชาวฮ่องกงได้มากกว่า 14,600 รายชื่อ ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่า 400 คน เพื่อเรียกร้องให้ตำรวจจับกุมม็อบเสื้อขาว อีกทั้งยังเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระสอบสวนการใช้กำลังเกินเหตุของตำรวจในการปราบปรามการประท้วงในช่วงเดือนที่ผ่านมา

ที่มา : South China Morning Post, The Guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• จากประท้วงแห่งความหวังของฮ่องกง สู่การประท้วงแห่งความสิ้นหวัง
• ก.ม.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ‘ตายแล้ว’ แต่เศรษฐกิจฮ่องกงอาจไม่ดีขึ้น
• ทำไมชาวฮ่องกงนับล้านชุมนุมประท้วงต้าน ก.ม. ใหม่
• เรียนรู้จากฮ่องกง: ถ้าร่างกายต้องการปะทะแก๊สน้ำตา เตรียมตัวยังไง?