วันที่ 26 ม.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ กาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของ ‘หวัง อี้’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในกรณีที่จะมีการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (วีซ่า) อย่างเป็นของทั้งสองประเทศ
กาญจนา กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงความร่วมมือทั้งสองประเทศสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทั่วไป และกึ่งราชการ มีผลบังคับใช้ 1 มี.ค. เป็นต้นไป ซึ่งจะมีผลต่อการขยายตัวในภาคการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่คนจีนมาไทย แต่ยังรวมถึงคนไทยไปจีนอีกด้วย
ขณะที่สังคมส่วนหนึ่งได้มีการวิพากษ์วิจารณ์การฟรีวีซ่าของไทย และจีนนั้นจะส่งผลกระทบเพิ่เติมเรื่องทุนจีนสีเทา กาญจนา มองว่า ทางการไทย และจีนมีความร่วมมือกันในเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติอย่างใกล้ชิด โดยมองว่า การฟรีวีซ่า และเรื่องทุนจีนสีเทา เป็นเรื่องที่ต้องแยกจากกัน ซึ่งการเพิ่มขึ้น หรือซ้ำเติมทุนจีนสีเทา เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายที่ต้องเข้มแข็ง
นอกจากนี้ แม้ว่าจะมีนโยบายฟรีวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวจีน แต่การเดินทางเข้าประเทศไทยยังคงต้องมีการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) อยู่ดี ซึ่งจะมีการบันทึกข้อมูลอาชญากร หรือข้อมูลอื่นๆ อยู่แล้ว ดังนั้นการบังคับใช้กฎหมายก็ต้องเข้มแข็งตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม กาญจนา เผยอีกว่า การเยือนไทยของ หวัง อี้ ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการลงนามข้อตกลงความร่วมมือเรื่องของการฟรีวีซ่าแล้ว ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และสภาพภูมิอากาศร่วมกัน
โดยในวันที่ 28 ม.ค. หวัง อี้ และปานปรีย์ จะมีการประชุมหารือในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย และจีน เป็นครั้งที่ 1 ที่กระทรวงการต่างประเทศทจากแต่เดิมจะมีการหารือกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศเท่านั้น
จากนั้นในวันที่ 29 ม.ค. จะเข้าเยี่ยมคาราวะ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ทำเนียบรัฐบาล