ไม่พบผลการค้นหา
แกนนำราษฎรเปิดใจก่อนเข้ารายงานตัวกับศาลในคดีที่อัยการสั่งฟ้องข้อหา ม.112 รวมถึงความผิดในข้อหา 'ยุยงปลุกปั่น' ม.116 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีขึ้นปราศรัยในการชุมนุมกิจกรรม '19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร'

วันที่ 7 มี.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ระหว่างที่มวลชนทำกิจกรรมต่อเนื่องมาจากกิจกรรม "เดินทะลุฟ้า" จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา กล่าวกับ 'วอยซ์' ถึงความรู้สึกก่อนเดินทางไปศาลอาญา รัชดาฯ ในวันที่ 8 มี.ค. เพื่อเข้ารายงานตัวตามนัดของพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ที่จะนำตัวส่งอัยการพิจารณาคดี พร้อมกับพวกรวม 18 คน ในคดีที่อัยการสั่งฟ้องข้อหา ม.112 รวมถึงความผิดในข้อหา 'ยุยงปลุกปั่น' ม.116 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีขึ้นปราศรัยในการชุมนุมกิจกรรม '19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร' เมื่่อวันที่ 19 ก.ย. 2563

7 มี.ค. 64 ไผ่

จตุภัทร์ กล่าวว่า ตนไม่มีความรู้สึกกลัวหรือกังวลอะไร เพราะเลือกที่จะสู้มาตั้งแต่แรกแล้ว รู้ว่าสิ่งที่ทำไปไม่ใช่ความผิด และคนที่กล่าวหาก็รู้ว่าสิ่งที่พวกตนทำไม่ได้เป็นความผิด คนที่กล่าวหา ก็เพื่ออยากให้เราหยุดวิจารณ์สถาบันกษัตริย์เท่านั้น ส่วนกฎหมายมาตรา 112 ก็ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

"หากผมถูกฝากขัง เหมือนกับอานนท์ เพนกวิน ก็ขอให้คนข้างนอกเคลื่อนไหวสู้ต่อไป ไม่ต้องห่วงผม ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีแกนนำเคลื่อนไหว เรามีแผนสำรองอยู่ เตรียมพร้อมกันไว้แล้ว อย่าคิดว่าพวกเราแพ้แล้ว จงสู้ต่อไป สู้มันทุกรูปแบบ สู้ไม่ได้ในทางกฎหมาย ก็สู้ในรูปแบบอื่น" จตุภัทร์กล่าว

7 มี.ค. 64 ไมค์

ส่วน ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ 'ไมค์' จากกลุ่มราษฎร ที่ต้องเข้ารายงานตัวตามนัดเหมือนกับจตุภัทร์ กล่าวว่า ตนไม่มีความกังวลอะไรเลย เพราะไม่ว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างไรก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล หากศาลพิจารณาฝากขังระหว่างพิจารณาคดีเหมือนกับ 4 คน (อานนท์ สมยศ เพนกวิน หมอลำแบงค์) ก็ขอให้สังคมตัดสินเองว่าเป็นยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม

"ผมพร้อมที่จะต่อสู้กับทุกอุปสรรค แม้ศาลจะฝากขัง ผมก็จะต่อสู้กับความยากลำบากภายในห้องขัง ขอให้ทุกคนข้างนอกเคลื่อนไหวต่อสู้ต่อไป สู้เพื่ออนาคตของเรา ไม่ต้องห่วงผม" ภาณุพงศ์ กล่าว