วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงกรณีส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายในสภาว่าตนเรียกร้องรับสูทผ้าไหมคอจีน จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ราคาหมื่นกว่าบาท ซึ่งถือเป็นการผิดกฏหมายจริยธรรม นั้น ว่า "ไม่เป็นความจริง ผมไม่ได้ตกต่ำ หรือตกอับถึงขนาดเอาอะไรไปแลกกับชุดเพียงชุดเดียว ผมมีปัญญาที่จะตัดเอง ไม่เคยรับของขวัญอะไรจากใครเกิน 3,000 บาท ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามีประกาศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงวันที่ 13 มี.ค.63 ผมเป็นคนคอยเตือนคณะรัฐมนตรี อยู่ตลอดเวลา”
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าเป็นการเรียกรับเพื่อไปเป็นประธานเปิดงานของ ป.ป.ท. นั้น วิษณุ ระบุว่า 2-3 ปีมาแล้วที่ตนไม่ได้ไป เพราะติดสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาเพียงแค่วีดีโอคอลไปเปิดงาน รวมถึงในปีนี้ก็ไม่ได้ไป และไม่ได้มีการนำของขวัญหรือของอะไรมาให้ทั้งสิ้น ตนไม่เคยได้รับ แต่ยอมรับว่า ตนมีผ้าไทยอยู่หลายชุด เนื่องจากภรรยาเวลาไปงานโอท็อปก็ซื้อผ้าไทยมาให้ รวมถึงปัญหาสุขภาพส่งผลให้ผอมลง จึงทำให้ต้องตัดชุดใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานกับตนนำไปตัด ซึ่งมีการวัดไซต์ทิ้งเอาไว้ให้อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีงานประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรจะได้แจ้งขนาดไซต์เสื้อได้ทันที ซึ่งช่วงหลังมานี้ก็ไม่ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรแล้ว ส่วนหากเจ้าหน้าที่ตนไปวานใครตนก็ไม่ทราบ รวมถึงใครจะแอบอ้างตนก็ไม่ทราบเรื่องนี้ด้วย พร้อมยืนยันว่าตนเสียเงินทุกครั้ง และในคลิปเสียงก็ไม่ใช่เสียงของตนเอง อีกทั้งตนไม่เคยไปร้านตัดเสื้อของใครทั้งสิ้น พร้อมย้ำว่าตนไม่ตกต่ำตกอับจนถึงขนาดนั้น
โดย วิษณุ ยังได้โชว์สูทของตัวเองพร้อมย้ำว่า สูทของตนมีแค่ยี่ห้อ "แอร์โรว์” เท่านั้น และได้ซื้อมาเอง
เมื่อถามว่า นอกจากจะชี้แจงในสภาแล้วจะมีการฟ้องร้องผู้กล่าวหาด้วยหรือไม่ วิษณุ ระบุว่า ขอดูก่อน ตนไม่อยากไปค้าความให้มันยืดยาว ยุ่งยากอะไร แต่ถ้าจำเป็นก็จะทำ เพราะว่าประโยคที่รุนแรงคือคำว่า “เรียกรับแลกกับการไปเป็นประธาน ชอบไปเหลือเกิน” พร้อมย้ำว่าที่ผมไป เพราะเขาเชิญ และ 3-4 ปีที่ผ่านมาตนไม่เคยได้ไปเลย ซึ่งตนขอปฏิเสธทั้งหมด ส่วนหากใครจะไปอ้างอะไรนั้นตนไม่ทราบ โดยเมื่อเช้าตนได้ให้ลูกน้องติดต่อไปร้านที่เคยไปตัดชุด ทางร้านยอมรับว่ามีคนมาติดต่อให้เขียนใบเสร็จจากราคา 2,500 บาทเป็น 5,000 ได้หรือไม่ เพื่อจะได้เป็นส่วนต่างในการเบิก ซึ่งทางร้านก็ไม่ยอมเขียนให้เขาจึงได้เพียงต้นขั้วและใบเสร็จเพียง 2,500 บาทเท่านั้น ส่วนจะเป็นรายเดียวกับที่อภิปรายหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ตนไม่รู้ว่าคนนั้นเขาเป็นใคร เพราะมีการทำแบบนี้ 2-3 ครั้งที่ร้านนั้น พร้อมปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าการขอใบเสร็จไปเบิกที่เกินราคาจะเชื่อมโยงกับการอภิปรายครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งตนขอตรวจสอบก่อน โดยจะไปคุยกับเจ้าของร้านก่อน พร้อมเผยว่าเสื้อชุดนั้นตนไม่ได้รับไว้และมีการนำไปฝากประธานป.ป.ท.ไว้ “ก็กรุณารับเอาคืนไป ผมไม่เอามาใส่เป็นกาลกิณี”
วิษณุ มองว่า เป็นความพยายามทุกทางของฝ่ายค้านที่จะดิสเครดิต “โถ ถ้าจะดิสเครดิตผม บอกว่ารับนาฬิกา รับบ้าน รับที่ดิน รับเงิน ยังจะพอฟังเข้าท่ากว่า เอาชีวิตไปแลกกับชุดไทยเพียงตัวเดียวหรือสองตัว ผมไม่มีประวัติอย่างนั้นในชีวิต”
ทั้งนี้ วิษณุ เปิดเผยอีกว่า หลังทราบเรื่องในการอภิปรายเมื่อคืนตนอยากมาชี้แจงแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าหนี ซึ่งเวลา 22.00 น.ตนนอนฟอกไตอยู่ที่บ้านเพราะต้องนอนฟอกไตคืนละ 10 ชั่วโมงทุกวัน เพราะฟอกไตมันมีสายโยงจากท้องผมมา ลุกก็ไม่ได้ และที่สุขภาพตนมีปัญหาตัดชุดไทยใหม่ถึง 10 ชุด เพราะมันหลวมไปหมดแล้ว พร้อมถามสื่อว่า เคยเห็นตนใส่ชุดไทยตัวละ 1 หมื่น-1 แสนตนยังนึกไม่ออกว่าเอาไปใส่ที่ไหน พร้อมเผยว่า สาเหตุที่ตนใส่เสื้อไทย เพราะต้องใส่เสื้อปล่อยชายเนื่องจากใส่สูทไม่ได้เข็มขัดทับแผล