ไม่พบผลการค้นหา
‘วรวัจน์’ แจงยิบปมตัด ม.27 พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ ออก ชี้ ใส่มาภายหลังสภารับหลักการ-ส่อขัดต่อ รธน.-เปิดช่องบุกรุกป่า ขอคนหวังผลการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์หยุดส่งข้อมูลผิดๆ เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์

วันนี้ (7 กุมภาพันธ์ 2568) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีโพสต์สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการพิจารณาพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. … มาตรา 27 ว่าด้วยเรื่อง "พื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์" ซึ่งมีสาระสำคัญคือ การประกาศเขตพื้นที่ฯ เป็นไปเพื่อคุ้มครองวิถีชีวิตและวัฒนธรรม การรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเสริมความเข้มแข็ง ของกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อจัดทำเป็นแผนแม่บทและแผนที่แสดงพื้นที่การจัดการพื้นที่คุ้มครองฯ โดยในระหว่างการพิจารณามีการแทรกข้อความ “โดยไม่ต้องนำกฎหมาย มาบังคับใช้ ในพื้นที่ดังกล่าว”

โดยที่ในขั้นรับหลักการรับกฎหมายเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่1นั้น ไม่มีข้อความเกี่ยวกับการยกเว้นการนำกฎหมายมาบังคับใช้ในพื้นที่เลย ซึ่งการให้ยกเว้นไม่ให้นำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้ในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ หรืออุทยานต่างๆ เกิดขึ้นภายหลังโดยการเติมของคณะกรรมาธิการ โดยการยกเว้นไม่ให้นำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้นี้จะทำให้กฎหมายทุกชนิดที่เป็นประโยชน์ ตลอดจนถึง กฎหมายที่คุ้มครองดูแลไม่สามารถบังคับใช้ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยได้ อาจทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่ที่ไม่มีกฎหมายบังคับใช้ ตรงนี้มีโอกาสที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญซึ่งมาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญระบุให้คนไทยทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ไม่สามารถกำหนดเงื่อนไขใดให้เกิดความแตกต่างกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นอกจากนี้การทำกฏหมายโดยที่รู้อยู่แล้วว่ามีโอกาสขัดกับรัฐธรรมนูญและยังจงใจร่างกฎหมายที่มีลักษณะดังนั้นขึ้นมา เป็นการเปิดช่องให้มีการร้องผู้แทนราษฎรที่ร่วมร่างกฎหมายว่า จงใจทำผิดกฎหมายอาญาได้ ประการสำคัญ ตนเคยชี้แจงกมธ.ด้วยว่า หากไม่มีการบังคับใช้กฎหมายในบางพื้นที่แล้ว อีกหน่อยกฎหมายที่เป็นประโยชน์เช่นเรื่องการจัดสรรที่ดิน หรือกฎหมายที่ให้ประโยชน์กับคนในพื้นที่ ก็ไม่สามารถนำไปบังคับใช้ได้ด้วย ซึ่งในกรณีนี้จะเกิดความเสียหายมากกว่า

นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า ในเรื่อง การคุ้มครอง และส่งเสริม วิถีชีวิต ของ กลุ่มชาติพันธุ์นั้น สภาฯเห็นด้วยและรับหลักการ อนุมัติให้เป็นกฎหมายแล้ว ทั้งหมด โดยไม่สามารถพิจารณาเพียงประเด็นการงดเว้นบังคับกฎหมายในพื้นที่เท่านั้นซึ่งในประเด็นนี้กรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ ก็ได้ออกมาคัดค้าน เนื่องจากกังวลเรื่องการบุกรุกเข้าไปแผ้วถางทำลาย เพราะมาตรา 30 เขียนเปิดช่องให้ไปแผ้วถาง ทำกิน ทำเรื่องสาธารณูปโภค สาธารณูปการ การเกษตรกรรม การประมง การเลี้ยงสัตว์ หรือการอื่นใดที่เป็นกิจกรรมได้ทั้งหมด อยู่แล้ว ซึ่งในส่วนนี้ หากไม่มีกฎหมายดูแลเลย อาจจะส่งผลกระทบต่อ ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมได้

'ผมกังวลกับการที่มีคนพยายามให้ข้อมูลที่นำไปสู่ความเข้าใจผิด เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อการผ่านร่างกฎหมาย ที่มีในขั้นตอนของวุฒิสภาอีก ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง หากไม่มีการ นำประเด็นที่อ่อนไหวออก บางในข้อที่มีข้อกังวล และข้อท้วงติง อย่างมาก กฎหมายอาจจะสุ่มเสี่ยงที่จะตกทั้งฉบับโดยไม่ผ่านวุฒิสภาหรือถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตกก็ได้'

'ซึ่งการพยายามผลักดันทำให้กฎหมายผ่านสภาให้ได้คือการพิจารณาอย่างรอบด้าน ครอบคลุม นี่จึงจะเกิดประโยชน์ ดังนั้น ผมไม่อยากให้สร้างประเด็น จากกลุ่มคนที่พยายามผลักดันบางประเด็นเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าประโยชน์ที่จะเกิดกับประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนจริงๆ'