วันที่ 2 ม.ค. ที่อาคารรัฐสภา พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาเนื่องในโอกาสปีใหม่ โดยได้ย้ำถึงความเป็นกลางของวุฒิสภาว่า ตลอดการทำหน้าที่ของวุฒิสภา มีความเป็นอิสระ ไม่มีใครสั่งการได้ การขอจากรัฐบาลไม่เคยมีเลย ไม่มีคำสั่งว่าจะให้ลงมติอย่างไร หากจะมีก็เรื่องเดียวคือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการหารือกัน แต่ไม่ได้ติตต่อกับตนโดยตรง จากวิจารณญาณของตนเชื่อว่ามีการถามกัน
“ที่ผ่านมาผมทำงานอย่างเป็นอิสระ ไม่มีใครมาสั่งการได้ และผมก็ไม่พอใจที่ผมควบคุมการประชุมร่วมฯ อยู่เกือบ 4 ชั่วโมง ผมก็ต้องลุกไปปัสสาวะบ้าง แล้วก็รีบกลับมานั่ง แต่มาหาว่าผมไปแอบรับโทรศัพท์” พรเพชร กล่าว
ทั้งนี้ ยังไม่เคยมีการต่อสายตรงจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่อย่างใด มีเพียงการพบเจอกันธรรมดา และพูดคุยเรื่องอื่น ไม่มีเรื่องการเมือง ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้มาคุยอะไรกับทางวุฒิสภา
สำหรับในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะเป็นการเลือกนายกฯ ครั้งสุดท้ายของ ส.ว. ที่ผ่านมาวุฒิสภาแทบไม่มีการแตกแถว คราวต่อไปจะมีเกณฑ์ใดในการเลือกนายกฯ ในสมัยหน้า พรเพชร กล่าวว่า เท่าที่ตนฟังจากสมาชิก เห็นว่าจะพิจารณาจากตัวเลือก ว่าเลือกแล้วจะสร้างความมั่นคงในระบบรัฐสภาหรือไม่
“ต้องเลือกคนที่ทำให้ระบบ 2 สภาอยู่ต่อไปได้ ไม่ว่า ส.ว. หรือ ส.ส. ทุกคนก็รักประเทศชาติ และอยากให้ประชาธิปไตยเจริญก้าวหน้าไปได้ แน่นอนว่าต้องมีบางท่านที่ผูกพันกับความต้องการ ก็คงต้องยืนตามนั้น การเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ จะต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เร็ว และรัฐบาลต้องมีความมั่นคง ส.ว.ก็คงต้องมีบทบาท และคำนึงถึงว่าจะสร้างความมั่นคงได้อย่างไร หากไม่มั่นคงก็ต้องยุบสภากันอีก"
เมื่อถามว่าระยะเวลาของการดำรงตำแหน่งนายกฯ ว่าเหลืออีก 2 ปี หรือ 4 ปี จะมีส่วนในการตัดสินใจเลือกนายกฯ ของ ส.ว. หรือไม่ พรเพชร ยังปฏิเสธตอบคำถาม โดยระบุว่ายังเป็นสิ่งที่สมมติขึ้นมา ต้องรอดูการจัดตั้งรัฐบาลของรัฐสภาจึงจะตอบได้
เมื่อถามต่อไปว่าหากพรรคการเมืองใดได้เสียง ส.ส.เลือกนายกฯ เกิน 250 เสียง หากวุฒิสภาไม่ทำตาม จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ พรเพชร มองว่า ถือเป็นส่วนหนึ่งต้องพิจารณา แต่ต้องดูด้วยว่า ส.ว.พอใจกับโครงสร้างของรัฐบาลที่ ส.ส.จัดตั้งมาหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคร่วมฝ่ายค้านปัจจุบันได้เสียงข้างมากในสภา ส.ว.จะเปิดใจเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคดังกล่าวหรือไม่ พรเพชร ย้ำว่า ยังเป็นเรื่องสมมติไม่สามารถตอบได้ ความเห็นส่วนตัวของตนคือต้องดูว่าการรวมตัวจัดตั้งรัฐบาลของพรรคต่างๆ เหล่านั้น มีความมั่นคง เป็นพวกเดียวกันจริงหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรตนในฐานะประธานฯ ก็ลงคะแนนไม่ได้ตามมารยาท
สำหรับกระแสที่บางฝ่ายรวมคะแนนเสียง ส.ว. ไปเป็นเสียงสนับสนุนกับพรรคการเมืองของ พล.อ.ประวิตร หรือ พล.อ.ประยุทธ์ ไปแล้ว ตนยังไม่เคยได้ยินใครนับอย่างนั้น ก็ว่ากันไป แต่เชื่อมั่นว่าไม่มี รอช่วงใกล้ๆ เมื่อนักการเมืองจัดตั้งรัฐบาลได้เห็นชัดแล้ว ค่อยว่ากันอีกที
พรเพชร ยังย้ำว่า ในการเลือกนายกฯ วุฒิสภาไม่จำเป็นต้องลงคะแนนไปในทิศทางเดียวกัน ย่อมต้องมีเสียงแตกกันบ้าง บางคนอาจคิดว่าสามารถรวมเสียงส่วนใหญ่บ้าง แต่ต้องดูกันไป ตอนนี้ไม่สามารถตอบแทนสมาชิกได้ ต้องรอช่วงใกล้ๆ หลังเลือกตั้งเสร็จแล้ว จึงจะสามารถชี้อะไรได้บ้าง