สำนักข่าวเดอะ การ์เดียนรายงานว่า มีข้อความรั่วไหลออกมาว่า องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน หรือ IOM ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR กำลังเซนเซอร์รายงานของตัวเองเกี่ยวกับวิกฤตด้านสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงและข้อตกลงเกี่ยวกับการอพยพทั่วโลก หลังจากโดยรัฐบาลสหรัฐฯ กดดัน
อีเมล์ที่เจ้าหน้าที่ของ IOM ในสหรัฐฯ ส่งให้กับเพื่อนร่วมงานทั่วโลกเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ระบุว่า สำนักงานกิจการประชากร ผู้ลี้ภัยและการโยกย้ายถิ่น หรือ PRM ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กดดันว่า เอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่ PRM สนับสนุนเงินทุน "จะต้องไม่ขัดกับความอ่อนไหวทางการเมืองปัจจุบันของสหรัฐฯ"
ความอ่อนไหวในที่นี้ รวมถึงวิกฤตด้านสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ข้อตกลงเกี่ยวกับการอพยพทั่วโลก และ "ทุกสิ่งที่ต่างไปจากนโยบายในประเทศและต่างประเทศของสหรัฐฯ" นอกจากนี้ เอกสารใดๆ โดยเฉพาะที่จะตีพิมพ์ออนไลน์ อาจต้องถูกตรวจสอบและได้รับความยินยอมจากผู้บริจาคเงินทุนก่อน
อีเมล์ฉบับนี้ได้ย้ำให้ผู้รับใช้ "ดุลพินิจ" และให้ความร่วมมือกับ PRM ในการแก้ไขส่วนที่จำเป็น เนื่องจาก "PRM พร้อมจะตัดงบในส่วนที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายนโยบายต่างประเทศ
สำนักข่าวเดอะ การ์เดียนรายงานว่า แหล่งข่าวใน IOM ตั้งข้อสังเกตว่า IOM พยายามหลีกเลี่ยงการอ้างถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอากาศโดยตรงในเอกสารโครงการได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ อื่นๆ เช่น USAid ด้วยเช่นกัน
IOM ได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 2,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมาจากสหรัฐฯ ถึง 1 ใน 4 ในจำนวนนี้ มาจาก PRM ประมาณ 18 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ยังไม่พบโครงการที่ได้รับเงินทุนจากองค์กรอื่นถูกเซนเซอร์ หรือจะมีผลกระทบต่อการทำงานในโครงการแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในสหรัฐฯ ที่เพิ่งออกจาก IOM เปิดเผยกับเดอะ การ์เดียนว่า เขากังวลอย่างมากที่ IOM เห็นด้วยกับการกดดันเช่นนี้ เขาเห็นเจ้าหน้าที่ประจำภูมิภาคอย่างน้อย 1 คนที่ขอให้ทีมไม่กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือผลกระทบต่อการอพยพทั่วโลกโดยตรง ตั้งแต่ในรายงานหรือเอกสารเสนอโครงการต่อรัฐบาลสหรัฐฯ และแม้เขาจะเข้าใจว่า IOM ทำในสิ่งที่คิดว่าจำเป็นในเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อรักษาเงินทุนในโครงการที่สำคัญๆ แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงควรระมัดระวังว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ไปผิดทาง
เจฟฟ์ คริสป์ ผู้จัดการโครงการวิจัยของศูนย์ผู้ลี้ภัยศึกษา มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน UNHCR ก็ระบุว่า ข้อความที่รั่วไหลออกมาทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเป็นอิสระของ IOM, ความอ่อนไหวต่อจุดยืนของรัฐบาลสหรัฐฯ และความสามารถในการปฏิบัติงานในฐานะสมาชิกในระบบของสหประชาชาติ
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และ IOM ในช่วงปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นตั้งแต่เคน ไอแซคส์ แคนดิเดตผู้อำนวยการใหญ่คนต่อไปของ IOM จากสหรัฐฯ แสดงความกังวลว่า กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ อาจตัดงบของ IOM และไอแซคส์ยังเคยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับหลักฐานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศว่าอาจเป็น “ข่าวลวง”
ทรัมป์เองก็เคยเคยแสดงความเคือบแคลงใจเกี่ยวกับสาเหตุและผลกระทบของสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคัดค้านข้อตกลงเกี่ยวกับการอพยพทั่วโลก โดยระบุว่า เป็นข้อตกลงที่ “สนับสนุนการอพยพ” และเป็น ความพยายามของสหประชาชาติที่จะเข้าไปควบคุมโลกาภิบาล ละเมิดอำนาจอธิปไตยของรัฐ
ด้านลีโอนาร์ด ดอยล์ หัวหน้าด้านการสื่อสารของ IOM ระบุว่า IOM รับรู้และเคารพสิทธิพิเศษและข้อจำกัดของผู้บริจาค รวมถึงสหรัฐฯ และพยายามให้พนักงานระมัดระวังความอ่อนไหวเหล่านั้นเวลาเขียนเสนอของบสำหรับโครงการต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อกระแสการอพยพ
ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ก็ยืนยันว่า IOM เป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนองค์กรอย่าง IOM ในการดำเนินโครงการและกิจกรรมที่สอดคล้องกัยเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของนโยบายต่างประเทศ