ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มประชาธิปไตยศึกษา และกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย จัดกิจกรรม "Start Up People: ปลุกพลังคนอยากเลือกตั้ง" เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งภายในปี 2561 รวมถึงคัดค้านการสืบทอดอำนาจต่อไปของ คสช. ด้าน 'จ่านิว' กราบท้าวสุรนารี ขอให้มีประชาธิปไตยโดยเร็ว

นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นักกิจกรรมกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา ขึ้นปราศรัยกับผู้ที่มาชุมนุมหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรืออนุสาวรีย์ย่าโมว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมที่ประตูสู่ภาคอิสาน และจะเป็นจุดขยายตัว ในการขยายไปสู่พื้นที่อื่น และจะไปจัดกิจกรรมแบบนี้ทุกจังหวัดต่อไป

"วันนี้ต้องการเรียกร้อง และทวงสิทธิของประชาชน ให้มีการเลือกตั้ง ตามโรดแมป ปี 2561 เพราะที่ผ่านมารัฐบาลประกาศเลื่อนเลือกตั้งมาหลายครั้งแล้ว พร้อมกันนี้ ไม่ต้องการให้ คสช.สืบทอดอำนาจ"

นายสิรวิชญ์ยังเรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลังเรียกร้องเลือกตั้งเพื่อร่วมกันส่งสัญญาณไปถึงรัฐบาล

สำหรับกิจกรรมวันนี้ นอกจากการปราศรัยแล้วยังมีการแจกเอกสารให้ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม โดยเอกสารระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการให้คำมั่นสัญญาของรัฐบาล ที่จะจัดการเลือกตั้งให้ได้ตามโรดแมป แต่ก็ดูเหมือนว่าจะต้องเลื่อนออกไปเป็นปี 2562

เอกสารยังชี้ให้เห็นถึงความพยายามของ คสช.ที่ต้องการสืบทอดอำนาจหลังจากนี้ จึงเชื่อว่าการยืดเยื้อเวลาเช่นนี้ เป็นเพราะ คสช. ต้องการอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด และแม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะพยายามปราบปรามคอร์รัปชัน แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ รวมทั้งกรณีนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นายสิรวิชญ์ ยังกล่าวด้วยว่า ได้เข้ากราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และขอให้มีประชาธิปไตยโดยเร็ว และก็หวังว่าจะได้เห็นประชาธิปไตยตามคำอธิษฐานด้วย

นอกจากนี้ ยังพูดถึงเรื่องของปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงการบริหารบ้านเมืองของ คสช.ที่ต่างชาติยังไม่เกิดความมั่นใจ จากนั้นผู้ชุมนุมได้ตะโกนส่งสัญญาณ 3 ข้อ คือ 1) ต้องเลือกตั้งในปีนี้ 2) เผด็จการจงพินาศ และ 3) ประชาธิปไตยจงเจริญ ก่อนที่จะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และแยกย้ายกลับ

พ.ต.อ.ปฏิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนครราชสีมา ได้พูดคุยกับนายสิรวิชญ์ โดยระบุว่า หลังจากนี้ หากจะมีการใช้พื้นที่ในการชุมนุม จะต้องทำหนังสือเพื่อขออนุญาตตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมให้เกิดความเรียบร้อย ขณะที่นายสิรวิชญ์ถามกลับว่า ครั้งนี้จะเจอข้อหาอะไรหรือไม่ ทางตำรวจภูธรนครราชสีมาตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่มี”