ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่กองทัพเข้ามาคอยดูแลครอบครัวของ พลทหารคชา พะชะ ถือเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ากองทัพต้องมีส่วนรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากทหารเกณฑ์ทั้งหมดอยู่ในความดูแลของกองทัพโดยตรง แต่การนำตัวทหารเกณฑ์ที่กระทำผิดมาลงโทษนั้นถือเป็นการเยียวยาและชดใช้ให้กับครอบครัวของเหยื่อเพียงรายเดียว แต่ถ้าจะให้เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ ก็ต้องทำให้ปัญหาการซ้อมทรมานหมดไปจากกองทัพอย่างถาวร
โดยต้องแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งต้องเริ่มจากการเปลี่ยนความเชื่อที่ว่าทหารทุกคนต้องพร้อมโดนจำหน่ายหรือต้องพร้อมตายได้ทุกเมื่อ แต่ที่จริง ชีวิตของทหารทุกคนมีคุณค่า ถ้าจะต้องสูญเสียต้องเป็นเหตุผลที่สมควร เช่น เพื่อปกป้องแผ่นดินเกิด ไม่ใช่ตายเพราะถูกซ่อมหรือโดนซ้อมหนักมือไปหน่อย
ทั้งนี้ ในอนาคต การวางแผนหลักสูตรการฝึก ควรยึดทหารเกณฑ์เป็นศูนย์กลางของการพัฒนา ทำให้พวกเขามีศักยภาพสูงขึ้นหรือมีคุณวุฒิจากกองทัพเป็นสมบัติติดตัวหลังปลดประจำการ ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ของทหารเกณฑ์ดูดีขึ้น ทุกคนจะได้รู้สึกว่าการใช้ชีวิตในค่ายทหารมีความคุ้มค่าไม่ใช่การเสียโอกาสในชีวิต ที่สำคัญ ต้องเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารแล้วเปลี่ยนไปใช้วิธีรับสมัครจากผู้สมัครใจแทน
ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะกองทัพเคยใช้วิธีเปิดรับสมัครมหารเกณฑ์ มาแล้วถึง 2 ครั้ง เมื่อปี 2530 และ 2542 ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม มีคนมาสมัครเกินจำนวนที่เปิดรับอีกต่างหาก แต่หลังจากที่กองทัพเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองและมีอำนาจในบ้านเมือง กลับเลิกคิดเรื่องการปฏิรูปกองทัพ ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปฏิรูปกองทัพอย่างจริงจังให้มีขีดความสามารถสูงสุดแต่ส่งผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง