อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงกรณีปัญหาการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยคนพิการ ประจำเดือน ก.ย. 2563 ล่าช้า ว่า ยอมรับว่าการตั้งงบประมาณปี 2563 เป็นข้อมูลจำนวนของผู้สูงอายุ และคนพิการ เป็นข้อมูลของเดือน เม.ย. ปี 2562 ดังนั้นตัวเลขการชำระเงินและจำนวนคนที่ได้รับเบี้ยไม่ตรงกับความเป็นจริง
โดยเบี้ยของคนพิการในปี 2563 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มีจำนวน 1.8 ล้านคน ขณะที่กลุ่มเป้าหมายเดือนก.ย. ปี 2563 ที่ต้องชำระเพิ่มขึ้นมา 2.6 แสนคน ขณะที่ผู้สูงอายุงบปี 63 มีจำนวน 8.7 ล้านคน ขณะที่เดือนก.ย.ปี 2563 มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 1.8 แสนคน ดังนั้นจึงสะท้อนให้เห็นว่า ตัวเลขจำนวนผู้ได้สิทธิเพิ่มขึ้น
ส่วนที่เกิดความล่าช้านั้นนอกจากจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นแล้วยังไม่ได้ใช้ระบบอีเพย์เมนต์ แต่พบว่าปีนี้ได้เริ่มใช้ระบบอีเพย์เมนต์จะทำให้ประชาชนรับเงินเข้าบัญชีจากกรมบัญชีกลางได้ทันที โดยมีประมาณ 80% ส่วนอีก 20% จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับผิดชอบ โดยใช้เงินสดหรือมารับด้วยตัวเองดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะไม่มีงบประมาณ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความล่าช้าเพราะเปลี่ยนระบบและวิธีการชำระเงิน และเชื่อว่าหลังจากปี 2553 ที่เปลี่ยนระบบแล้วเมื่อผู้ลงทะเบียนได้รับสิทธิแล้วก็จะได้รับเงินทันทีในเดือนถัดไป
อนุชา กล่าวถึงการใช้งบประมาณปี 2564 อาจไม่ทันใช้ในเดือน ต.ค.นี้ ว่า ขณะนี้ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาในวาระที่ 2 และ3 ในสัปดาห์นี้ หากเกิดความล่าช้าก็ไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ ส่วนการชี้แจงรายละเอียดจะดำเนินการในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ย. 2563) อีกครั้งหลังการประชุม ครม. เมื่อสำนักงบประมาณจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อรับทราบ เพราะจะต้องมีการใช้งบประมาณปี 2563 ไปพลางก่อน