ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระบุว่า รัฐบาลของตนจะพิจารณาทบทวนราคาน้ำจืดที่มาเลเซียส่งขายให้แก่สิงคโปร์ เนื่องจากราคาปัจจุบันที่มีการซื้อขายนั้นถูกเกินไป
ปัจจุบัน มาเลเซียขายน้ำจืดให้สิงคโปร์ในราคา 3 เซนต์ ต่อน้ำ 1,000 แกลลอน ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นการคำนวณโดยยึดเกณฑ์และสภาพแวดล้อมเมื่อช่วงทศวรรษ 1930 แต่การขายน้ำในราคา 3 เซนต์ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมในปัจจุบัน
ดร.มหาเธร์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแชนแนลนิวส์เอเชียว่า สัญญาการซื้อขายน้ำระหว่างมาเลเซียกับสิงคโปร์นั้นเป็นสัญญาระยะยาว 99 ปี นับตั้งแต่ปี 1962 เป็นต้นมา และสัญญาดังกล่าวจะหมดลงในปี 2061 โดยสิงคโปร์จะสามารถซื้อน้ำได้สูงสุดถึง 250 ล้านแกลลอนต่อวันจากแม่น้ำยะโฮห์ ในราคา 3 เซนต์ (ประมาณ 25 สตางค์) ต่อ 1,000 แกลลอน และมาเลเซียจะซื้อน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจากสิงคโปร์ในราคา 50 เซนต์ (ประมาณ 4 บาท) ต่อ 1,000 แกลลอน
นอกจากนี้ ดร.มหาเธร์ ยังระบุว่า มาเลเซียพร้อมที่จะเป็นมิตรกับทุกประเทศ และมาเลเซียก็มีนักลงทุนจากสิงคโปร์เข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม มาเลเซียก็จะต้องแก้ไขเงื่อนไขการลงทุนและการค้าต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรมแก่ทางมาเลเซียเองเช่นกัน
ปัจจุบัน สิงคโปร์นำเข้าน้ำจืดจากมาเลเซียสูงสุด 250 ล้านแกลลอนต่อวัน แต่จากการประเมินของรัฐบาลสิงคโปร์ ปัจจุบันมีความต้องารใช้น้ำจืดถึงวันละ 430 ล้านแกลลอนต่อวัน และในปี 2060 มีการประเมินว่าสิงคโปร์ต้องการน้ำเพิ่มขึ้นถึง 2เท่า ของความต้องการปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสิงคโปร์มีแผนรณรงณ์เรื่องการประหยัดน้ำ โดยมีเป้าหมายในปี 2030 แต่ละครัวเรือนจะมีการใช้น้ำลดลงเหลือเพียงวันละ 140 ลิตร จาก 165 ลิตรในปี 2017
ทั้งนี้ หลังจากการรับตำแหน่งของดร.มาเธร์ได้มีการสั่งทบทวนการลงทุนของต่างชาติในมาเลเซีย โดยเฉพาะดครงการที่เกิดในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก และเร็วๆ นี้ทางรัฐบาลมาเลเซียได้มีการสั่งการระงับโครงการรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อมาเลเซียและสิงคโปร์ที่ลงทุนโดยนักลงทุนจากจีนอีกด้วย
ที่มา Channel news asia / Bloomberg