เว็บไซต์ TTR ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายงานว่า การปรับคณะรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งถือเป็นเรื่องเกินคาดหมายของสื่อต่างประเทศ เพราะช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผลงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาถือว่ามีความคืบหน้าและสร้างสรรค์ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติให้เดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
ด้านเว็บไซต์ทราเวลเดลีนิวส์ รายงานอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งระบุว่าตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงตุลาคมที่ผ่านมา ไทยรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมกว่า 28.8 ล้านคน คิดเป็นรายได้รวม 1.47 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยในเดือนตุลาคมปีนี้ก็ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 20.9 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งนอกจากจะเป็นผลจากการส่งเสริมนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลแล้ว ยังมีเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือการที่สำนักงานการบินพลเรือนหรือไอเคโอยกเลิกธงแดงการบินของไทย ทำให้มีเที่ยวบินต่างประเทศมาลงที่สนามบินนานาชาติดอนเมืองและสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การบินไทยยังสามารถเปิดเส้นทางบินตรงใหม่ได้อีก 4 คร้ังต่อสัปดาห์ ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ-เวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ขณะที่บริษัสายการบินนิวเจนก็เปิดให้บริการเที่ยวบินจากนครราชสีมาไปยังเชียงใหม่และภูเก็ต ทำให้ตลาดการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น และนักท่องเที่ยวจาก 10 ประเทศที่เดินทางมาไทยมากที่สุดในช่วงปีนี้ ได้แก่ จีน มาเลเซีย สปป.ลาว เกาหลีใต้ อินเดีย ญี่ปุ่น รัสเซีย กัมพูชา สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศรายงานว่านโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาลไทยไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีในครั้งนี้มากเท่าใดนัก เพราะนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งแทนนางกอบกาญจน์ ไม่ใช่บุคคลหน้าใหม่ในแวดวงการท่องเที่ยวและกีฬาแต่อย่างใด โดยนายวีระศักดิ์เคยรับตำแหน่งดังกล่าวมาก่อนแล้วช่วงปี พ.ศ.2551 และเป็นผู้ที่มีผลงานในระดับที่นานาชาติยอมรับคนหนึ่ง
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับสื่อต่างชาติคือสุนทรพจน์ของนายวีระศักดิ์เมื่อครั้งที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติเมื่อปี 2551 ซึ่งในครั้งนั้นนายวีระศักดิ์ระบุว่า "การท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก" ซึ่งเชื่อมโยงกับการเกิดภาวะโลกร้อน การดำเนินนโยบายด้านการท่องเที่ยวและกีฬาจึงต้องคำนึงถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ท้าทายศักยภาพของรัฐบาลไทยค่อนข้างมาก เพราะในทางหนึ่ง ไทยยังต้องพึ่งพิงรายได้จากการท่องเที่ยว
ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไทยต้องการดึงดูดเพิ่มขึ้นก็เป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูงที่จะเดินทางมาจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ไม่ใช่มุ่งเน้นแต่ปริมาณนักท่องเที่ยวจากประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นหลักเพียงอย่างเดียว
เรียบเรียงโดย: ตติกานต์ เดชชพงศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ททท.เปิดตัวโครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus ปี 61
Biz Insight : ท่องเที่ยวไทยจะช่วยเศรษฐกิจได้ถึงเมื่อไหร่?
ครึ่งปีแรกต่างชาติเที่ยวไทยกว่า 17 ล้านคน เตรียมดันปี 61 'ปีท่องเที่ยวแห่งชาติ'