ไม่พบผลการค้นหา
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบปลดล็อกให้ 'กัญชา' สามารถนำมาศึกษาวิจัยทางการแพทย์ได้ รอชง สนช.พิจารณาออกกฎหมาย

ความคืบหน้าการผลักดันแก้ไขกฎหมายยาเสพติด โดยเมื่อวานนี้ (15พ.ค.) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในตอนหนึ่งว่า ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดและร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจคือ 'ประมวลกฎหมายยาเสพติด' มีสาระสำคัญ ดังนี้ 

1.) การป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด

  • กำหนดให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติดังกล่าว
  • กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มีหน้าที่และอำนาจในการเสนอนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ติดตาม ดูแล และสนับสนุนให้มีการดำเนินการที่สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติดังกล่าว
  • กำหนดหน้าที่และอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ให้เป็นหน่วยงานกลางในการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด

2.) การควบคุมยาเสพติด

  • กำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด มีหน้าที่และอำนาจกำหนดมาตรการในการควบคุมยาเสพติดให้โทษ วัตถุออกฤทธิ์ และสารระเหย
  • แบ่งประเภทของยาเสพติดให้โทษออกเป็น 5 ประเภท และแบ่งประเภทของวัตถุออกฤทธิ์ออกเป็น 4 ประเภท
  • กำหนดการอนุญาตเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ซึ่งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขออนุญาต การอนุญาต และการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือประกาศ
  • กำหนดมาตรการควบคุมพิเศษในการป้องกัน ปราบปราม แก้ไขปัญหาและควบคุมยาเสพติด โดยกำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ส. อาจกำหนดพื้นที่ในการทดลองเพาะปลูกพืชที่เป็นหรือให้ผลผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษหรืออาจใช้ผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษ หรือผลิตและทดสอบเกี่ยวกับยาเสพติด

3.) การตรวจสอบทรัพย์สิน

  • กำหนดให้มีคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน มีหน้าที่และอำนาจในการดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

4.) กองทุน

  • กำหนดให้มีกองทุนป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยการบริหารและการดำเนินการของกองทุนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการ ป.ป.ส. กำหนด

5.) การบำบัดรักษาและการฟื้นฟูสภาพสังคมแก่ผู้ติดยาเสพติด

  • กำหนดให้มีคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดนโยบายและมาตรการเกี่ยวกับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด รวมถึงวางแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการสังคม การสังคมสงเคราะห์ที่จำเป็นและเหมาะสม และช่วยเหลือสนับสนุนให้ผู้ติดยาเสพติด หรือผู้ผ่านการบำบัดรักษาให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้
  • กำหนดให้ผู้กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์เพื่อเสพ ซึ่งเข้ารับการบำบัดรักษาแล้ว พ้นจากความผิดฐานดังกล่าว โดยผู้กระทำความผิดสามารถสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาได้
  • กำหนดให้มีศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม มีหน้าที่และอำนาจในการติดตาม ดูแล ให้คำปรึกษา แนะนำ ให้ความช่วยเหลือ และสงเคราะห์แก่ผู้เข้ารับการบำบัดรักษา เพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัดรักษาได้รับการฟื้นฟูสภาพทางสังคม

6.) ความผิดและบทกำหนดโทษ

  • กำหนดความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ และความผิดเกี่ยวกับการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด รวมถึงโทษสำหรับความผิดดังกล่าว

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุข ออกคำสั่งกระทรวงเลขที่ 530/2561 ลงวันที่ 2 พ.ค. 2561 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ หลังปรากฎว่ามีการนำกัญชา ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์อย่างหลากหลายในต่างประเทศ ประกอบกับขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ใช้ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เพื่อการรักษาโรค หรือ เพื่อการศึกษาวิจัยได้ 

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการรองรับกับการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ และการศึกษาวิจัยในประเทศมีการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ มีความเหมาะสม รัดกุม เพื่อให้การใช้ประโยชน์จากกัญชาในทางการแพทย์เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นไปตามหลักวิชาการ และกฎหมาย 

อย่างไรก็ตามภายหลังที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบ ขั้นตอนต่อไปคือเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบ

ขณะที่ นพ.โสภณ เมฆธน ประธานองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า หลังคณะรัฐมนตรี อนุมัติร่าง พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ... มีสาระสำคัญให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและกระทรวงสาธารณสุข ขออนุญาตผลิตหรือครอบครองกัญชา เพื่อนำไปใช้ในทางการแพทย์หรือการวิจัยได้ คณะกรรมการได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา คาดว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวน่าจะประกาศใช้ในอีกประมาณ 9 เดือนข้างหน้า ระหว่างนี้จึงเตรียมแนวทางการดำเนินการ ทั้งการนำมาใช้ในการรักษาโรค การปลูก การควบคุม ระบบการศึกษาวิจัย

โดยตั้งคณะทำงานขึ้นมา 4 ชุด ประกอบด้วย 1. การปลูก พัฒนาสายพันธุ์ มอบผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมเป็นประธานกรรมการ. 2.การสกัด มอบ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมเป็นประธานกรรมการ 3.การพัฒนาผลิตภัณฑ์และข้อบ่งชี้การใช้ทางการแพทย์ มอบอธิบดีกรมการแพทย์เป็นประธาน 4.ระบบควบคุม การศึกษาวิจัย มอบเลขาธิการองค์การอาหารและยา (อย.) เป็นประธาน ให้เสนอชื่อตั้งคณะทำงานใน 1 สัปดาห์. และนัดประชุมคณะกรรมการในอีก 1 เดือน

“ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่าการอนุญาตให้ปลูกกัญชา อาจมีความเข้าใจผิดว่าสามารถปลูกได้ทั่วไป ขอย้ำว่ากัญชายังคงเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 มีโทษตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ชัดเจนว่าให้ปลูกเพื่อการรักษาโรคทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งในหลายประเทศได้ดำเนินการเช่นนี้ โดยประเทศไทยยังต้องศึกษาเพื่อนำมาใช้เพิ่มเติมในหลายโรค ขณะที่ทางแผนไทยมีหลายตำรับ เช่น มะเร็งตับ ลมชัก ยานอนหลับ” นพ.โสภณ กล่าว 

อ่านเพิ่มเติม