หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 มกราคม) ทางการเกาหลีใต้สั่งตรวจสอบธุรกรรมการเงินของธนาคารใหญ่ 6 ธนาคาร ที่ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล และมีรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์สว่ารัฐบาลเกาหลีใต้จะเก็บภาษีกำไรที่ได้จากการขายบิทคอยน์ รวมถึงไม่อนุญาต ทำให้เกิดการเทขายครั้งใหญ่ จนทั้งบิทคอยน์ อีเธอเรียม และไลท์คอยน์ ราคาตกลงไปถึงร้อยละ 20 บิทคอยน์ถึงกับหลุดลงไปต่ำกว่า 15,000 ดอลลาร์ ก่อนจะกลับขึ้นมายืนระยะเกิน 15,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้งในวันนี้ (9 มกราคม) 

ในทางตรงกันข้าม สิงคโปร์และสหรัฐฯกลับเปิดรับสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา บรรษัทการเงินในสหรัฐฯรับซื้อขายบิทคอยน์ล่วงหน้าแล้วในนครชิคาโก ส่วนสิงคโปร์ ซึ่งตั้งเป้าจะเป็นประเทศแรกในโลกที่เป็น "Smart Nation" และมีนโยบายอย่างชัดเจนที่จะไปถึงเป้าหมายดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบราชการให้ออนไลน์และใช้แอปพลิเคชั่นช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพการบริการประชาชน หรือการพัฒนาบุคลากรด้านไอที และการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพดิจิทัลอย่างจริงจังทั้งในด้านทักษะและเงินทุน ก็เปิดรับสกุลเงินดิจิทัลด้วยการมีคาเฟ่ที่รับเฉพาะเงินดิจิทัลแห่งแรกในประเทศ 

ดูคาตัสคาเฟ่ ตั้งขึ้นโดย Ducatus Global ซึ่งเป็นบริษัทขุดเงินดิจิทัลอยู่แล้ว มีคอนเซ็ปคือ Zero Cash หรือไม่รับเงินสดอย่างสิ้นเชิง แต่รับบัตรเครดิต และการจ่ายเงินออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล โดยรับทั้งบิทคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมในตอนนี้ และเงินดูคาตัสของบริษัทเอง แต่ในเร็วๆนี้ มีแผนที่จะรับเงินสกุลดิจิทัลอื่นๆด้วย โดยดูคาตัสเปิดตัวในสิงคโปร์ตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคม 2017 และปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 0.13 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 3.14 บาท 

จุดประสงค์เริ่มต้นของดูคาตัสคาเฟ่ คือการสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้เงินดูคาตัสว่าสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการต่างๆได้จริง และยังเป็นการพิสูจน์ว่าเงินดิจิทัลไม่ได้มีไว้เพื่อเก็งกำไรเท่านั้น แต่สามารถใช้แทนเงินสดได้ โดยในร้านนอกจากจะขายอาหารและเครื่องดื่มเหมือนคาเฟ่ทั่วไป โดยมีจุดขายที่การเน้นกาแฟ ชาออร์แกนิก และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังมีตู้เอีเอ็มเงินดิจิทัล ที่สามารถแลกเปลี่ยนเงินสดเป็นบิทคอยน์ได้ทันที ซึ่งปัจจุบันดูคาตัสคาเฟ่เปิดให้บริการ 2 สาขา คือที่สิงคโปร์และบาหลี อินโดนีเซีย