นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานบางจากฯ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 ว่า บริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 125,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 4,838 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 4,393 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.19 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2560 บริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 39,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ 1,495 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 1,316 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) รวม 3,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.96 บาท
ด้านธุรกิจโรงกลั่น มีกำลังการผลิตเฉลี่ยในระดับสูงที่ 110,030 บาร์เรลต่อวัน และมีค่าการกลั่นพื้นฐานที่ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6.66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มี EBITDA 2,198 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 140 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนความคืบหน้าของการเพิ่มประสิทธิภาพของโรงกลั่นน้ำมันบางจากและการก่อสร้างหน่วยเพิ่มออกเทนเพื่อผลิตน้ำมันแก๊สโซลีน รวมทั้งโครงการปรับปรุงสเถียรภาพ เพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย กำลังการผลิตและการดูแลสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการดำเนินงานตามแผน
ธุรกิจการตลาด มีปริมาณจำหน่าย 1,417 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเข้าสู่ฤดูมรสุม มีฝนและเกิดปัญหาอุทกภัยในบางพื้นที่ ประกอบกับการแข่งขันในตลาดอุตสาหกรรมที่เพิ่มสูงขึ้น
ธุรกิจผลิตไฟฟ้าภายใต้บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) บริษัทย่อยของบริษัท บางจากฯ มีรายได้ 854 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีปริมาณจำหน่ายไฟฟ้ารวม 78.16 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการเปิดดำเนินการโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่น
ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มีรายได้ 1,932 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งปรับตัวดีขึ้นทั้งธุรกิจไบโอดีเซลและธุรกิจเชื้อเพลิงเอทานอล
ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีรายได้จากการขาย 336 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีปริมาณการจำหน่ายรวม 203,807 บาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ส่วนบริษัท บีบีจีไอ จำกัด ที่เกิดจากการควบรวมบริษัท ระหว่างบริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด บริษัทย่อยของบริษัท บางจากฯ และบริษัท เคเอส แอล จีไอ จำกัด บริษัทย่อยของ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปลายปี 2561