นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุถึงการเลือกตั้งสกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อปี 2500 โดยระบุว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2500 เป็นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 9 มีขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 เป็นการเลือกตั้งที่ได้ชื่อว่า 'สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์'
โดยในวันเลือกตั้ง ปรากฏว่า มีการใช้คนฝ่ายรัฐบาลเวียนเทียนกันลงคะแนน เรียกว่า 'พลร่ม' เมื่อปิดหีบแล้วมีการยัดบัตรลงคะแนนเถื่อนเข้าไป เรียกว่า 'ไพ่ไฟ' ตลอดจนแอบเปลี่ยนหีบเลือกตั้งในที่ลับตาคน และมีเหตุขลุกขลักขึ้นในหลายพื้นที่ รุนแรงถึงขนาดมีการฆาตกรรมคนที่สนับสนุนผู้สมัครบางคนด้วย อีกทั้งการนับคะแนนยังใช้เวลานับกันยาวนานถึง 7 วัน 7 คืน ด้วยกัน
ผลการเลือกตั้ง ปรากฏว่า 'พรรคเสรีมนังคศิลา' ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาในปี พ.ศ. 2498 เพื่อที่จะรองรับการเลือกตั้งครั้งนี้โดยเฉพาะ ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม และ พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ได้รับเสียงข้างมากที่สุด ถึง 85 ที่นั่ง ดังนั้น ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้จากประชาชน ต่อมาในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2500 นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งประชาชนทั่วไป ได้ร่วมกันเดินขบวนประท้วงการเลือกตั้งครั้งนี้
อย่างไรก็ตามในที่สุด จอมพล ป.ต้องลงมาเจรจาด้วยตนเองที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และได้ข้อสรุปว่า จอมพล ป.ยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์และจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ การชุมนุมจึงสลายตัวไป
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุทิ้งท้ายว่า "หรือการเลือกตั้ง 2562 จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ว่าเป็น การเลือกตั้งที่อยุติธรรมที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย"
นอกจากนี้นายภูมิธรรม ได้กล่าวรำลึกเนื่องในวันพรุ่งนี้(10ธ.ค.) ครบรอบวันรัฐธรรมนูญ ว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด เป็นกติกาในการที่จะดูแลให้สังคมมีความสงบและจัดสรรประโยชน์ให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆอย่างเท่าเทียมและเหมาะสมในปี 2540 ได้เกิดรัฐธรรมนูญ ที่มีที่มาจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของสังคมไทย และได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดฉบับหนึ่ง
แต่น่าเสียดายที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ใช้ได้ไม่ถึง 10 ปี “การเมืองในรัฐสภาตามระบอบประชาธิปไตย” ได้ถูกคณะบุคคลกลุ่มหนึ่ง สร้างวาทกรรมให้กลายเป็นภาพเผด็จการรัฐภา อันนำไปสู่การปูทาง ให้เกิดการรัฐประหารในปี 2549 ฉีกรัฐธรรมนูญจากการมีส่วนร่วมของประชาชนทิ้งไป
รัฐธรรมนูญในวันนี้ ที่กำลังจะทำหน้าที่สำคัญในการกำหนดอนาคตของสังคมไทย…ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจในการกำหนดและควบคุมทิศทางของประเทศอย่างขาดเหตุผล และไม่อยู่บนโลกความเป็นจริงที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้โครงสร้างอำนาจกลับไปสู่ความเป็นรัฐราชการ ที่ย้อนยุคกลับไปสู่ สภาวะแบบดั้งเดิม
โดยใช้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นเครื่องมือสำคัญในการพันธนาการประเทศให้เคลื่อนตัวยากลำบาก อันจะมีผลทำให้ รัฐบาลหลังการเลือกตั้งไม่อาจจะมีศักยภาพเพียงพอ ในการรับมือกับปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นจากโลกที่เปลี่ยนแปลงไปต่างๆอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
ดังนั้นการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง การเลือกตั้งที่จะรักษา สภาวะดั้งเดิมที่กลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบันตั้งใจที่รักษาสถานะของกลุ่มตน ให้มีความแข็งแรงและมั่นคงยิ่งๆขึ้นหรือจะเป็นการเลือกตั้งที่มีความหมายทางยุทธศาสตร์เพื่อ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้ประเทศหลุดพ้นจาก สภาพ ล้าหลัง ถดถอย ยากจนและสิ้นหวัง
เช่นที่คนไทยทุกคน กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน คนไทยทุกคน คือผู้มีอำนาจในการตัดสิน และกำหนดอนาคตของประเทศร่วมกัน 24กุมภาพันธคือวันเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่ความก้าวหน้า มีความหวัง และพ้นจากความยากลำบากของชีวิตด้วยมือของ พี่น้องประชาชนเอง