ไม่พบผลการค้นหา
อดีตเอกอัครราชทูต ระบุการสังเกตการณ์คดีต่างๆถือเป็นเรื่องปกติ ชี้ไม่มีการกระทำใดที่ไม่เป็นกลาง เชื่อหลังเลือกตั้งไทย ยังไม่ได้รับความเชื่อมั่น เหตุกติกาไม่เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ

นายพิทยา พุกกะมาน อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ ยืนยันว่าการเดินทางไปสังเกตการณ์ ของตัวแทนคณะทูตต่อการสอบสวนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่การแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ หากจะเป็นการแทรกแซงได้จะต้องมีการชี้นำกระบวนการต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของ กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ สถานทูตจะดำเนินการ เพื่อนำข้อสังเกตต่างๆไปใช้เป็นข้อมูลว่าประเทศไทยมีการดำเนินการที่มีความยุติธรรมมากน้อยเพียงใด มีความโปร่งใสมากน้อยเพียงใด มีการดำเนินการกับผู้ถูกกล่าวหาอย่างไร 

จากนั้นจะพิจารณาจาก ข้อมูลดังกล่าวสำหรับการฟื้นความสัมพันธ์ ให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ หลังจากที่ตลอดหลายปี นานาชาติได้ลดความสัมพันธ์ ลงมาหลายระดับ และเพื่อให้ทุกอย่างกลับมาในระดับปกติอีกครั้ง นานาชาติ จึงต้องอาศัยข้อมูลจากการสังเกตการณ์ว่ากระบวนการด้านสิทธิมนุษยชน กระบวนการทางกฎหมาย กระบวนการประชาธิปไตย มีการพัฒนามากน้อยเพียงใด ซึ่งจะได้กลับไปรายงานให้รัฐบาล ของตนเองรับทราบ

ซึ่งหากประเทศต่างๆประเมินว่าประเทศไทยมีการพัฒนาในเรื่องเหล่านี้ การลดระดับความสัมพันธ์ ที่กระทำก่อนหน้านี้ก็จะถูกยกเลิกไป จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเข้ามาสังเกตการณ์ ซึ่งไม่มีส่วนใด ที่เป็นความพยายามว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย และไม่พบว่ามีการพูดที่แสดงออกว่าตัวแทนเหล่านั้น ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขณะเดียวกัน การสังเกตการหรือการปฏิบัติหน้าที่ของคณะทูต จะต้องอยู่ภาย กรอบอนุสัญญาเวียนนา คอยกำกับควบคุม ซึ่งจะต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่สามารถเข้าข้างฝ่ายได้ 

นายพิทยา มั่นใจว่า กระบวนการทั้งหมดไม่ได้เกินเลยภารกิจทางการทูต รวมถึงตัวเอกอัครราชทูตก็ไม่ได้เดินทางมาสังเกตการณ์ด้วยตนเองการส่งตัวแทนคณะทูตซึ่งอยู่ในระดับกลางระดับล่างมาสังเกตการณ์ แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติงานดังกล่าวเป็นการปฏิบัติงานในลักษณะประจำ และไม่ได้มีนัยยในทางการเมืองใดๆ แต่จากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของกระทรวงการต่างประเทศชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไทยมีความอ่อนไหวเป็นอย่างมาก 

ทั้งนี้เห็นว่าหลังการเลือกตั้งประเทศไทยจะยังไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากนานาประเทศ เพราะกระบวนการเลือกตั้งมีข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใส การมีกติกา หรือรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่ว่ารัฐบาลฝ่ายใดขึ้นมาทำหน้าที่ จะขาดเสถียรภาพซึ่งทั้งหมดเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 

รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ จวก 'ดอน' ไร้มารยาททางการทูต

ด้าน ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ระบุถึงกรณีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ออกมาติงกรณีที่มีทูตจากต่างประเทศ เข้าร่วมสังเกตการณ์คดีของนาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่า ขัดหลักกติกาสากล โดยจะเชิญเจ้าหน้าที่ทูตดังกล่าวมาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ ซึ่งตนรู้สึกสงสัยยิ่งนักว่า นักการทูตอย่างนายดอน เหตุใดจึงไร้มารยาททางการทูตเช่นนี้

ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายดอน ทำกิริยา มารยาทที่ขัดหลักการและธรรมเนียมปฎิบัติทางการทูต หรือจะเป็นเพราะ นายดอน ต้องทำงานกับรัฐบาลทหารมากเกินไป เลยติดนิสัยเช่นนี้จากท่านผู้นำมา ทำให้ตนรู้สึกเป็นห่วงภาพลักษณ์ของประเทศเหลือเกิน แค่ประเทศยังไม่หลุดพ้นจากระบอบเผด็จการมาห้าปี ก็ทำให้ต่างชาติ กดดันประเทศเราอย่างมากแล้ว การจัดการเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้ง ก็เป็นที่คลางแคลงสงสัยกันไปทั่ว ยิ่งมีนักการทูตที่ดูเหมือนว่าจะไร้มารยาทเช่นนายดอน ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า ประสิทธิภาพการทำงานของคนที่มาจากการยึดอำนาจเป็นอย่างไร 

ดร.รยุศด์ กล่าวอีกว่า การที่ตัวแทนสถานทูตจากประเทศต่าง ๆ เดินทางไปสังเกตการณ์คดีของนายธนาธรนั้น เพราะ เขาเห็นว่า การถูกดำเนินคดีดังกล่าวของนายธนาธร ดูแล้วไม่น่าใช่เรื่องปกติ อาจจะเป็นความพยายามกลั่นแกล้งทางการเมือง นายธนาธร ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล รวมถึงขัดต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม ทำให้ตัวแทนสถานทูตเหล่านี้ต้องลงมาสังเกตการณ์ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของประเทศที่มีอารยะเขาทำกัน

นอกจากนี้ เหล่าตัวแทนสถานทูตเหล่านี้ ก็ไม่ได้มีพฤติการณ์ใดที่ส่อไปในทางแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ ได้แต่เพียงสังเกตการณ์ บันทึกข้อมูลเท่านั้น แต่การที่นายดอน เชิญแต่ละสถานทูตมาพูดคุยถึงกรณีนี้ ตนมองว่าเป็นการแทรกแซงการทำงานของสถานทูต ผิดมารยาท และทำเนียมปฎิบัติ ซึ่งหากรัฐบาลเข้าใจถึงความละเอียดอ่อนในวิถีทางทางการทูตเป็นอย่างดี ย่อมจะไม่แสดงออกอย่างเช่นที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยได้กระทำอย่างแน่นอน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง