ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกรัฐบาล เผย ครม. สัญจรสงขลา เตรียมพิจารณางบฟื้นฟูสาธารณูปโภคน้ำท่วม 3 จังหวัดชายแดนใต้ 302 ล้านบาท พร้อมอนุมัติงบสนับสนุนสถานที่ท่องเที่ยว ทางธรรมชาติ อย่างครบวงจร

วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ณ จังหวัดสงขลา ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า มีหลากหลายประเด็นที่จะพิจารณา โดยเฉพาะการอนุมัติงบประมาณในพื้นที่ภาคใต้ทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย โดยจะมีงบที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา วงเงินประมาณ 302 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ประมาณจังหวัดละ 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นการพัฒนาพื้นที่ พัฒนาเส้นทางถนน สร้างเขื่อนริมคลองต่าง ๆ ที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมเสียหาย

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จะพิจารณาเรื่องของการส่งนักศึกษา หรือนักเรียนที่จบ ม. 6 ไปเรียนต่อตามมหาวิทยาลัย ตามโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน หรือ โอดอส เบื้องต้น 30,000 บาท ต่อคนต่อปี

ส่วนเรื่องสำคัญของจังหวัดสงขลาที่น่าสนใจ คือ การสนับสนุนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว หรือการอนุรักษ์ทางธรรมชาติ ซึ่งจะมีการพิจารณางบประมาณ 402 ล้านบาท ในการดูแลโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาเป็นแผนระยะ 5 ปี เพื่อวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ ถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและร่วมกันอนุรักษ์พันธุ์ปลาสำคัญ 

นานจิรายุ กล่าวต่อว่า ด้านการท่องเที่ยว ทางผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้รายงานว่าปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียจำนวนมากเดินทางเข้ามายังด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ ซึ่งตนเองได้เดินทางไปที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา พบว่ามีนักท่องเที่ยว 95% เป็นชาวมาเลเซีย เรียกว่าตลาดทั้งคืนตั้งแต่หัวค่ำถึงโต้รุ่งยัน จำนวนนักท่องเที่ยวคึกคัก โดยที่เบตงเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกันจะมีการส่งข้อมูลให้กับคณะรัฐมนตรีได้ไปพิจารณาเนื่องจากที่เบตง มีการสร้างสนามบินแห่งใหม่ใหญ่มาก แต่เครื่องบินพาณิชย์เคยมาลงครั้งสุดท้ายประมาณเดือนพฤศจิกายนปี 2566 ผ่านมาแล้ว 1 ปี แต่หยุดบริการไป ส่วนอำเภอสงขลา ขณะนี้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งทางคณะทำงานได้ไปดูเพื่อพิจารณาสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวต่อไป

และในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) เวลา 15:00 น นายกรัฐมนตรีจะเดินไปที่ด่านสะเดา อำเภอสะเดาจังหวัดสงขลา ซึ่งตรงนี้เป็นด่านที่คนใช้บริการจำนวนมาก และเป็นจุดที่รถผ่านเข้าออกวิ่งจากสะเดาผ่านไปปีนัง หรือวิ่งลงไปทางใต้ และกัวลาลัมเปอร์จะมีการพัฒนา แต่ด่านสะเดาแห่งใหม่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากมีรอยต่อเส้นทางไทย-มาเลเซีย ประมาณ 300 เมตร ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียทำถนนมาถึงบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซียรอไว้แล้ว โดยจะต้องทำถนนต่อเนื่องไปอีก 300 เมตรหลังจากผ่านด่านศุลกากรของเราไป ฉะนั้นคงจะมีการพูดคุยกัน ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาได้เคยเสนองบฯ ไว้ จำนวน 28 ล้าน หากรัฐบาลพิจารณาแล้ว จะเร่งเปิดให้บริการ เพื่อลดความแออัดของด่านสะเดาเดิม โดยแยกสินค้าไปด่านแห่งใหม่ ส่วนนักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินทางข้ามไปยังมาเลเซีย หรือชาวมาเลเซียข้ามเข้ามาไทยได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่นิยมการขับรถทั้งมอเตอร์ไซค์รถยนต์ ซึ่งขณะนี้ชาวมาเลเซียสามารถขับรถจากประเทศเพื่อนบ้านไปถึงจังหวัดเชียงใหม่และไปได้ทั่วไทยถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าการยกระดับรถไฟรางคู่ ที่ปาดังเบซาร์ มีความคืบหน้าอย่างไร นายจิรายุ กล่าวว่า ระเบียบวาระการพิจารณา ในการประชุมคณะรัฐมนตรี จะเป็นวาระจร ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยเดินทางไปที่จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส ก็ได้มีการพูดถึงรถไฟทางคู่ เมื่อมาถึงชุมทางหาดใหญ่จะไป 2 จุดซ้ายขวา ไปด่านปาดังเบซาร์ซึ่งทั้ง 2 จุดนี้ถือเป็น 2 จุดสำคัญที่จะพัฒนาด้านการขนส่งสินค้า และเป็นการเชื่อมต่อกรุงเทพฯ-ภาคใต้ ถือเป็นการพัฒนาที่นายกรัฐมนตรีได้ดำริเอาไว้แล้วส่วนตรวจสินค้าของด่านศุลกากรขณะนี้ ด่านสะเดาใช้เครื่องเอกซเรย์รุ่นใหม่ไม่ต้องเปิดตู้สามารถมองจากในห้องจะเห็นได้ว่าสินค้าต่าง ๆ เป็นอะไร แบบไหน

ฉะนั้นเรื่องของรถไฟทางคู่มาภาคใต้นายกรัฐมนตรีดำริชัดเจนต้องเร่งดำเนินการเพื่อทำการค้าขายระหว่างภาคใต้ตั้งแต่ชายแดนสิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ ปาดังเบซาร์เข้าสู่ประเทศไทยผ่านไปยังประเทศในอินโดจีน ส่วนความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ หลังจากนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนนักธุรกิจจีนที่ได้ประชุมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กรุงปักกิ่ง นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาเพิ่มเติม และถอดแบบออกมาให้ชัดเจนว่า หลังจากที่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาโครงการนี้ไปแล้ว ปัจจุบันเราจะเสนออย่างไร ซึ่งจะมีการรายงานตัวที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรครั้งนี้

ด้านนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ชาวสงขลารู้สึกยินดีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเยือนเป็นครั้งแรกของปีนี้ หวังว่าสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นกับพี่น้องชาวสงขลาและในอนาคต

ส่วน น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แหลงภาษาใต้ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีถือเป็นครั้งแรกของปี 2568 และคณะรัฐมนตรีได้มาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดสงขลา พร้อมเชิญชวนชาวใต้ทุกคนมาฟังว่าคณะรัฐมนตรีจะมีอะไรมาให้ชาวใต้บ้างในฐานะของชาวใต้ และในฐานะรองโฆษกรัฐบาล รู้สึกเป็นเกียรติที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีสัญจรได้มาประชุมเป็นครั้งแรกในปี 2568 ชาวใต้ทุกคนหวังว่าจะมีสิ่งดี ๆ มีการพัฒนาหลายอย่างตามมาแน่นอน