ที่รัฐสภา วันนี้ (19 ก.ค.) กิตติศักด์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 โดยระบุว่า วันนี้ ส.ว.จะขอประเทศไทยคืน จะไม่ยอมเปลี่ยนประเทศไทยเราจะขอลูกหลานคืน นำลูกหลานคืนสู่อ้อมกอดของพ่อแม่ เพื่อรักษาวัฒนธรรมและประเพณีไทยให้คืนกลับมา โดยเกือบทั้งหมดจะลงมติไม่เห็นชอบให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี สำหรับวิธีการ เราจะพยายามไม่เพิ่มความขัดแย้ง ไม่ให้มีการแบ่งแยกประเทศไทย
โดยยืนยันจุดยืนว่า จะไม่โหวตให้พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สำหรับวันนี้จะมีการโหวตหรือเปล่า ถ้าหากว่ามี ก็ขอให้สื่อมวลชนร่วมกันสังเกตจากที่ ส.ว.งดออกเสียง จะเปลี่ยนเป็นไม่เห็นชอบ สำหรับวันนี้ตัดสินใจเลือกที่จะไม่โหวตนั้นส่วนตัวไม่รู้สึกหนักใจ เพราะยึดถือประโยชน์ของชาติศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ส่วนเรื่องความขัดแย้งนั้นให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง
กิตติศักดิ์ ยืนยันว่า หากการจัดตั้งรัฐบาลยังมีพรรคก้าวไกล จะยังคงไม่สนับสนุนไม่เห็นชอบ และถ้ามีการเสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย กิตติศักดิ์ ยืนยันอีกครั้งว่า ถ้าหากจะมีการจัดตั้งรัฐบาลในรัฐบาลนั้นต้องไม่มีพรรคก้าวไกล ซึ่งถ้าหากยังรวมกันเป็น 8 พรรคเดิม แม้ไม่มีพิธาก็จะไม่โหวตให้เด็ดขาด
ทั้งนี้เมื่อมีผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ตอนแรกกิตติศักดิ์ บอกว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล แต่มีเงื่อนไขว่าต้องไม่มีพรรคก้าวไกลนั้น ถือว่าเป็นการก้าวก่ายฝ่ายบริหารหรือไม่ กิตติศักดิ์บอกว่า มันเป็นสิทธิ์ของ ส.ว. โดยใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 และ ยืนยันว่าถ้าหากพรรคก้าวไกลมาเป็นรัฐบาล ประเทศชาติจะไม่เหมือนเดิม จะมีแต่ความขัดแย้ง ถ้าหากยังปล่อยไปบ้านเมืองจะมีความแตกแยก ยืนยันว่าไม่มีใครมาสั่ง ส.ว.ได้ และ พล.อ.ประยุทธ์ได้วางมือทางการเมืองแล้ว
ส่วนข้อเสนอที่ให้พรรคก้าวไกล ไปอยู่พรรคฝ่ายค้านนั้น ตนยืนยันว่าทาง ส.ว.ไม่ได้มีการชี้นำหรือบอกกล่าวแต่แค่ยืนยันว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลต้องไม่มีพรรคก้าวไกลเท่านั้น ซึ่งพรรคการเมืองใดสามารถรวมเสียงได้ 376 เสียง ส.ว. ก็จะอยู่สบายๆไม่ต้องมายุ่งเกี่ยว แต่นี่ รวบรวมไม่ได้ ส.ว.ก็มีอำนาจหน้าที่ตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 272
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการไม่โหวตให้ ทั้งพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น จะทำให้ประเทศติดหล่มหรือไม่ เพราะไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ กิตติศักดิ์ ยืนยันหนักแน่นว่า "ไม่ติด ขอให้ไปรวบรวมเสียงมาให้ได้"
ในส่วนพรรคก้าวไกลมีการยื่นให้มีการแก้ไขมาตรา 272 กิตติศักดิ์ มองว่าการยื่นแก้ต้องเป็นฝ่ายค้าน ตอนนี้ถามว่ามีฝ่ายค้านแล้วหรือยัง และถ้าหากผ่านจะต้อง ผ่านวาระ 3 และจะต้องใช้ ส.ว.ถึง 84 เสียง และจะไปแก้ ม.272 ได้อย่างไร ทั้งนี้ตนมาตามบทเฉพาะการซึ่งในเดือนพฤษภาคมปี 2567 ตนก็จะหมดวาระแล้ว ทำไมจะต้องมาเร่งให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในตอนนี้ ตนมองว่านอกจากจะไม่ได้สาระแล้ว ยังเป็นเรื่องของเด็กที่กำลังเกเร
ทั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ เปิดเผยในช่วงท้ายว่า ส.ว.ที่เคยโหวตให้นายพิธานเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น วันนี้เสียงลดลง ไปประมาณ 5 คน และยืนยันว่าสวส่วนใหญ่มีความคิดเห็นคล้ายตนเกือบหมดทั้ง 250 คน พร้อมย้ำที่พึ่งท้ายอย่างชัดเจนว่า "ถ้าหากยังมีก้าวไกล ในพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน"