นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวในการประชุมหารือสถานการณ์การผลิตการตลาดและทำบันทึกความร่วมมือการรับซื้อกระเทียมปีการผลิต 2561/62 ว่าจากการลงพื้นที่แปลงเพาะปลูกกระเทียมในจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับผู้ประกอบการค้าสินค้าเกษตรจากห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ผู้รวบรวม ผู้ส่งออกบริษัทผู้ผลิตน้ำพริกแกงผลิตภัณฑ์น้ำพริก และตลาดกลางสินค้าเกษตรในความส่งเสริมของกรมการค้าภายใน เพื่อพบปะเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม ซึ่งมีทั้งผู้ปลูกกระเทียมสายพันธุ์พื้นบ้าน และแปลงที่ใช้พันธุ์จากต่างประเทศมาเพาะปลูก เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับที่มีการนำเข้า เพื่อสร้างความมั่นใจกับผู้ประกอบการและเกษตรกรว่า เมื่อมีการผลิตแล้วจะมีตลาดรองรับ
ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ผลผลิตกระเทียมปี 2561/62 ผลผลิตมีปริมาณ 89,605 ตัน ซึ่งลดลงจากปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 1.51 ผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณร้อยละ 85 โดยจำหน่ายเป็นกระเทียมสด บางส่วนได้เก็บแขวนเพื่อจำหน่ายเป็นกระเทียมแห้ง ช่วงกลางเดือน เม.ย. 2562 แนวโน้มราคาอยู่ในเกณฑ์ต่ำ เนื่องจากจะมีการนำเข้ากระเทียมจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพราะผู้บริโภคนิยมใช้ราคาต่ำกว่าผลผลิตของไทย ประกอบกับผลผลิตมีหัวใหญ่ กลีบใหญ่ เปลือกแข็งแกะง่าย และมีปริมาณเนื้อมากกว่า
อย่างไรก็ตาม กรมการค้าภายใน ได้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรโดยการป้องกันการลักลอบนำเข้ากระเทียมมาตามด่านชายแดนที่มีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยขอความร่วมมือกับกรมศุลกากรให้เข้มงวดตรวจสอบการนำเข้า
โดยการนำเข้าและขนย้ายจะต้องมีเอกสารตามประกาศ กกร. เป็นเอกสารประกอบการตรวจปล่อยสินค้าออกจากด่านฯ เพื่อเป็นการป้องกันและป้องปรามมิให้ผู้นำเข้ากระทำผิด โดยผู้นำเข้าจะต้องแจ้งการขนย้ายกระเทียมที่นำเข้าจากต่างประเทศตั้งแต่ 400 กิโลกรัมขึ้นไป ไม่ว่าจะขนส่งทางใดก็ตามต้องขออนุญาตขนย้าย ผู้ครอบครองกระเทียมนำเข้าจากต่างประเทศที่มีปริมาณตั้งแต่ 2,000 กิโลกรัมขึ้นไป ให้แจ้งปริมาณสถานที่เก็บและจัดทำบัญชีคุมสินค้ากระเทียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ และจะดำเนินการตรวจสอบคลังที่ใช้เก็บกระเทียม
และขอความร่วมมือให้ระบุชื่อผู้ฝากเก็บให้ชัดเจน หากไม่ระบุจะถือว่าเป็นของคลัง ถ้าชี้แจงที่มาไม่ได้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ย้ำทุกคนมีสิทธิ์นำเข้ากระเทียมจากต่างประเทศได้ แต่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายการนำเข้าของไทย