ไม่พบผลการค้นหา
'อังคณา' ชี้ รัฐบาลยกสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ หากระดับปฏิบัติการไม่ทำตามก็ไร้ผล

กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD) นำโดยนายนิธิ กัลชาญพิเศษ ตัวแทนกลุ่ม LLTD ร่วมกับกลุ่ม ANTI SOTUS เเละ Chulalongkorn Community for the People (CCP) ยื่นหนังสือต่อ นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมทั้งเเก้ไขเเละเยียวยา ต่อกรณีนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต และทางญาติตรวจพบว่าอวัยวะภายในร่างกายหายไป

โดยทางกลุ่มเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดในประเทศไทย เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิต 8 คน ซึ่งส่วนใหญ่ เสียชีวิตในรัฐบาลทหารถึง 7 คน และ มีเพียง 1 คน เท่านั้น ที่เสียชีวิตในรัฐบาลพลเรือน พร้อมระบุว่าการลงโทษที่ผ่านมาเป็นการลงโทษที่เกินเลย และเป็นการลุอำนาจของผู้กระทำ ที่ละเมิดสิทธิในร่างกาย และสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นทหารที่เกณฑ์เข้ามาหรือนักเรียนเตรียมทหารที่สมัครใจเข้ามาเรียนเองก็ตาม ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ยาวนานถึง 7 ปี แค่กลับไม่ได้รับการแก้ไขจึงเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ กสม. ตรวจสอบการละเมิดสิทธิในค่ายทหาร และโรงเรียนเตรียมทหาร พร้อมประณามรัฐบาลทหารที่ไม่ได้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชน ยังระบุเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา กสม. มีการตรวจสอบทั้งเรื่องการรับน้อง และเรื่องทหารเกณฑ์ และได้มีรายงานไปหลายเรื่องแล้ว รวมทั้งมีการรายงานซ้ำ แต่เนื่องจาก กสม. ไม่ได้เป็นหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมจึงไม่สามารถจับกุมใครได้ ทำได้เพียงเสนอข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีเท่านั้น ชี้กรณีนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ต้องรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนจะเชิญผู้เกี่ยวข้อง ทั้งครอบครัว แพทย์ผู้ชันสูตร และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เข้ามาให้ข้อมูล ขณะนี้กำลังนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมเพื่แตั้งกรรมการหาข้อเท็จจริง ซึ่งผู้เสียหายยังสามารถร้องต่อศาลเพื่อขอความเป็นธรรมได้อีกทางหนึ่ง

นางอังคณายังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมแก่ผู้สื่อข่าวอีกว่า กรณีดังกล่าว แม้จะเป็นสถาบันทหาร ที่มีเรื่องของการฝึกวินัยฝึกความอดทน แต่ก็ไม่ควรมีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล โดยเฉพาะสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เพราะฉะนั้นจึงยิ่งต้องระมัดระวัง ซึ่งจากการรายงานข่าว พบว่าอาจจะเป็นรุ่นพี่ที่ยังเป็นเยาวชนเป็นผู้สั่งลงโทษ ทางโรงเรียนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องกำชับ ดูแลอย่างใกล้ชิด ให้อยู่ในสายตาของผู้บังคับบัญชาระดับสูง และไม่ปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นอีก

ส่วนกรณีการฝึกโดยท่าทางเฉพาะของทหารชี้ว่าทางที่ดีควรมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญร่วมให้คำแนะนำและออกแบบท่าฝึกเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย อย่างเช่นกรณีน้องเมยที่แม้จะมีการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนแต่ก็ต้องมีการปรับตัวโดยใช้ระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นการบังคับให้กระทำการที่เกินกว่ากำลังร่างกายจะรับไหว ก็ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

นอกจากนี้ยังระบุถึงกรณีที่มีการชันสูตรโดยไม่ได้แจ้งแก่ผู้ปกครองนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ตนไม่เคยพบเจอมาก่อน โดยปกติ เมื่อพบว่าเป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติจะต้องมีการตรวจโดยแพทย์นิติเวช เจ้าพนักงานหรือแพทย์จะต้องมีการพูดคุยกับทางญาติของผู้เสียชีวิตเพื่อทำการชันสูตรและโดยทั่วไปจะเป็นการนำชิ้นส่วนของอวัยวะ ไปทำการตรวจผลว่ามีความผิดปกติเท่านั้น กรณีนี้จึงเป็นเรื่องแปลกที่มีการนำอวัยวะทั้งส่วนไปชันสูตร ดังนั้นจึงถือเป็นบทเรียนให้มีความระมัดระวังให้มากขึ้นและควรแจ้งแก่ญาติให้ทราบ เพราะร่างกายของผู้เสียชีวิตเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองรับผิดชอบ ดังนั้นหากทางญาติยังติดใจสงสัยก็สามารถชันสูตรซ้ำได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือการหาสาเหตุการเสียชีวิตซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน ชี้หากมีการนำตัวของน้องเมยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตั้งแต่แรกอาจจะไม่เกิดการสูญเสีย เพราะการที่หัวใจเคยหยุดเต้นมาแล้วครั้งหนึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะหยุดเต้นอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้น้องเมยก็ได้เข้าพักที่กองพยาบาลเป็นเวลา 2 วัน