ตำรวจสิงคโปร์จับกุมผู้ต้องสงสัย 17 รายที่เกี่ยวข้องกับการขโมยน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทรอยัล ดัตช์ เชลล์ พีแอลซี บนเกาะบูกอมของสิงคโปร์เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาแก่ผู้ถูกจับกุม 11 ราย แบ่งเป็นชาวสิงคโปร์ 9 ราย และชาวเวียดนาม 2 ราย แต่ผู้ถูกจับกุมที่เหลือยังไม่ถูกตั้งข้อหา เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวน
เว็บไซต์มาริไทม์-เอ็กเซ็กคิวทีฟ รายงานว่าการขโมยน้ำมันครั้งนี้เป็นปฏิบัติการข้ามชาติ และเชลล์พบเบาะแสการก่อเหตุตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว จึงประสานงานเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่เกี่ยวข้อง จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้งหมดในวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่พบของกลางเป็นแทงก์น้ำมันขนาด 2,000 ตันจำนวน 2 แทงก์ พร้อมด้วยเงินสดกว่า 2.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 72 ล้านบาท แต่น้ำมันที่ถูกขโมยไปทั้งหมดตั้งแต่ปีที่แล้วมีปริมาณรวมกว่า 12,000 ตัน ถือเป็นการก่อเหตุขโมยน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผู้ถูกจับกุมชาวสิงคโปร์ 8 รายเป็นพนักงานและอดีตพนักงานของบริษัทเชลล์ซึ่งเคยมีประวัติกระทำผิดกฎบริษัทมาก่อน ส่วนอีก 1 รายเป็นพนักงานของบริษัทรับประกันคุณภาพและปริมาณ 'อินเตอร์เทค' (Intertek) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำมัน และชาวเวียดนาม 2 รายเป็นผู้ลำเลียงน้ำมันที่ถูกขโมยไปยังเรือบรรทุกน้ำมัน 'ไพรม์เซาท์'
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเรือไพรม์เซาท์มีประวัติการเดินทางไปยังนครโฮจิมินห์ของเวียดนามและท่าเรือในจังหวัดระยองของไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทั้งยังระบุด้วยว่าการปล้นน้ำมันในน่านน้ำทะเลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่การขโมยน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันซึ่งๆ หน้าในเวลาทำการตามปกติ เป็นสิ่งที่ไม่เคยพบมาก่อน
ตำรวจที่รับผิดชอบการสอบสวนคดีดังกล่าวระบุว่าเรือที่เกี่ยวข้องกับการลำเลียงน้ำมันที่ถูกขโมยมี 3 ลำ ได้แก่ เรือเซนเทค26 ซึ่งจะปฏิบัติการขนถ่ายน้ำมันบริเวณน่านน้ำทะเลสิงคโปร์ ส่วนเรือไพรม์เซาท์และเรือเอ็มที เกอา ขโมยน้ำมันไปจากเกาะบูกอมเพื่อไปยังปลายทางที่นครโฮจิมินห์ของเวียดนามและจังหวัดระยองของไทย โดยการขนถ่ายน้ำมันจะเกิดขึ้นกลางทะเลจากเรือลำหนึ่งสู่เรืออีกลำ สังเกตได้จากเรือเหล่านี้จะปิดระบบสื่อสารชั่วคราวเมื่อไปถึงจุดหนึ่งในทะเล
โฆษกของเชลล์ได้ส่งแถลงการณ์ถึงรอยเตอร์เพิ่มเติมโดยระบุว่าทางบริษัทร่วมมือกับรัฐบาลประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและแก้ไขการก่ออาชญากรรมดังกล่าว พร้อมย้ำว่าภาคเอกชนไม่อาจรับมือหรือแก้ปัญหานี้ได้เพียงลำพัง
รอยเตอร์รายงานด้วยว่าสาเหตุที่ทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นพื้นที่ก่อเหตุของเครือข่ายค้าน้ำมันเถื่อน เป็นเพราะเส้นทางทะเลที่เชื่อมต่อระหว่าง 3 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม ไทย กินอาณาเขตกว้าง ทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเหตุผิดปกติได้ลำบาก ส่วนมูลค่าน้ำมันซึ่งถูกขบวนการนี้ขโมยไปมีมูลค่ารวมกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 165 ล้านบาท
อ่านเพิ่มเติม: