ไม่พบผลการค้นหา
เกาหลีเหนือกำลังถูกกดดันอย่างหนักให้ยุติโครงการพัฒนานิวเคลียร์ที่ก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปีนี้ แต่ในขณะที่การคว่ำบาตรมุ่งไปที่บุคคลและทรัพยากรที่ใช้ในการพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ กลับมีข่าวเกี่ยวกับอาวุธอีกอย่างที่อาจร้ายแรงไม่แพ้กัน นั่นก็คือเชื้อแอนแทรกซ์

รัฐบาลสหรัฐฯเพิ่งประกาศคว่ำบาตรนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์คนสำคัญของเกาหลีเหนือ 2 คน ที่เป็นหัวหอกในโครงการพัฒนานิวเคลียร์ สอดคล้องกับการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรุนแรงขึ้นรอบใหม่โดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ที่จีนกับรัสเซียยอมลดการส่งออกน้ำมันไปยังเกาหลีเหนือเกือบร้อยละ 90 แต่ตลอดทั้งสัปดาห์นี้กลับมีข่าวเกี่ยวกับอาวุธอันทรงอานุภาพอีกประการของเกาหลีเหนือ นั่นก็คืออาวุธเคมีชีวภาพ เชื้อแอนแทรกซ์

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต้องออกมายืนยันว่านายมุนแจอิน ประธานาธิบดี และบุคคลสำคัญในรัฐบาล ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อแอนแทรกซ์ แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของเกาหลีใต้ซื้อวัคซีนต้านแอนแทรกซ์มา 1,000 โดสจริง เพื่อแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ต่อ

ต้านการก่อการร้ายหรือพลเรือน ในกรณีที่เจอภัยจากอาวุธชีวภาพ และทำเนียบรัฐบาลก็สั่งซื้อวัคซีนมา 350 ชุด หลังจากเกิดกรณีที่กองทัพสหรัฐฯส่งเชื้อแอนแทรกซ์ที่ยังมีชีวิตอยู่มายังเกาหลีใต้โดยความผิดพลาดเมื่อปี 2015 ซึ่งครั้งนั้นเชื้อได้ถูกทำลาย และห้องที่สัมผัสเชื้อก็ได้รับการทำความสะอาดฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ ในเวลาใกล้เคียงกัน เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ยังรายงานว่า ทหารเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์หลบหนีข้ามฝั่งมายังเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ถูกตรวจพบเชื้อแอนแทรกซ์ในร่างกาย โดยคาดว่า ทหารเกาหลีเหนืออาจถูกฉัดวัคซีนที่มีเชื้อแอนแทรกซ์เข้าสู่ร่างกาย เพื่อทำการทดลองภายในโครงการพัฒนาอาวุธชีวภาพของเกาหลีเหนือ

การตรวจพบดังกล่าวสร้างความกังวลให้แก่ทางการเกาหลีใต้อย่างมาก เพราะเชื้อแอนแทรกซ์สามารถฆ่าผู้ที่ติดเชื้อได้กว่าร้อยละ 80 ภายใน 24 ชั่วโมง 

เกาหลีเหนือถูกสงสัยว่ามีโครงการพัฒนาอาวุธชีวภาพมาตั้งแต่ปี 2015 ภายใต้การทำงานของสถาบันวิจัยเทคโนโลยีทางชีวภาพเปียงยาง ซึ่งอยู่ใต้การดูแลของกองทัพเกาหลีเหนือ หน่วย 810 แต่ที่ผ่านมาทางเกาหลีเหนือประกาศว่า สถาบันดังกล่าวมีความเชี่ยวชาญในเรื่องยาฆ่าแมลง แต่นักวิเคราะห์หลายคงมองว่า เกาหลีเหนือกำลังแอบพัฒนาอาวุธชีวภาพคู่ขนานไปกับโครงการดังกล่าว

ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างอิงรายงานของทำเนียบขาวสหรัฐฯ และหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ ระบุว่าเกาหลีเหนืออาจมีอาวุธชีวภาพประเภทต่างๆ รวมกว่า 25,000 - 50,000 ตัน ซึ่งเชื้อแอนแทรกซ์และเชื้อฝีดาษเป็นหนึ่งในเชื้อโรคที่ค่อนข้างแน่ใจได้ว่าอยู่ในโครงการทดลองอาวุธชีวภาพของเกาหลีเหนือ

ในรายงานยุทธศาสสตร์ความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯที่รัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี เปิดเผยเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ระบุว่าเกาหลีเหนือใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ไปกับการพัฒนาทั้งอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมี และอาวุธชีวภาพ รวมถึงการวิจัยเพื่อให้อาวุธเหล่านี้สามารถถูกส่งไปยังเป้าหมายโดยขีปนาวุธได้

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีเหนือยืนกรานว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีมูล และสหรัฐฯพยายามปั้นเรื่องขึ้น เกาหลีเหนือเป็นชาติภาคีของอนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ หรือ BWC ซึ่งตามพันธกรณีระหว่างประเทศดังกล่าว รัฐบาลต่อต้านการวิจัย พัฒนา ครอบครอง และสะสมอาวุธชีวภาพอย่างจริงจังมาโดยตลอด นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังยกกรณีอิรักเมื่อปี 2003 ขึ้นมาเปรียบเทียบ โดยรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีในขณะนั้น ยืนยันว่าอิรักครอบครองอาวุธชีวภาพ และอาวุธร้ายแรง หรือ WMDs ชนิดอื่นๆ แต่เมื่อสหรัฐฯบุกโจมตีอิรัก กลับไม่พบอาวุธใดๆตามที่กล่าวอ้าง