จากกรณีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ มีมติสั่งฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน กรณีรับเช็คของธนาคารกรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท โดยในภายหลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวนายพานทองแท้ ด้วยหลักทรัพย์ประกันตัวจำนวน 1 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
เมื่อคืนที่ผ่านมา นายพานทองแท้ ได้โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัวโดยใจความสำคัญระบุว่า ขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกท่านที่ให้กำลังใจผมในวันนี้ ทั้งท่านที่เดินทางมาให้กำลังใจด้วยตัวเอง และที่ได้ส่งกำลังใจมาตามช่องทางต่างๆ ซึ่งผมขอน้อมรับกำลังใจจากทุกท่านด้วยความซาบซึ้งใจ
ผมยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ในความบริสุทธิ์ของผมว่า ผมไม่ได้กระทำผิดตามที่กล่าวหา และไม่มีเหตุผลอะไร ที่คนกู้เงินมาร่วมหมื่นล้าน จะเอาเงินมาฟอกเพียงแค่ 10 ล้าน แถมบุคคลที่ใช้ให้ฟอกเงิน คือลูกชายของนายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้นอีกด้วย
นายพานทองแท้ ระบุด้วยว่า การกระทำของผมที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดนี้ เกิดขึ้นมากว่า 14 ปีแล้วหลายคนแนะนำว่า คดีฟอกเงินมีอายุความ 15 ปี จะหมดอายุความอยู่แล้ว ไหนๆตัวผมก็อยู่ฮ่องกงอยู่แล้ว ก็อยู่ต่อไปอีกไม่กี่เดือน แล้วค่อยกลับมาตอนคดีหมดอายุความ สบายกว่ากันเยอะเลย แต่ผมก็เลือกที่จะบินกลับมารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อพิสูจน์ว่าตัวผมนั้นบริสุทธิ์ครับ
เงินกู้จากแบงก์ไม่มีใครทราบว่าเป็นเงินที่ผิดหรอกครับ กว่าศาลจะชี้ว่าเป็นเงินผิด เวลาก็ล่วงเลยมาเป็นสิบปี มันไม่เหมือนเงินที่ได้จากการปล้น หรือได้มาจากการค้ามนุษย์ หรือค้ายาบ้ามา ซึ่งแบบนั้นใครๆ ก็ทราบเลยทันทีว่าเป็นเงินสกปรก
ความผิดฐานฟอกเงิน มี 2 องค์ประกอบหลักๆ คือ ต้องรู้ว่าเป็นเงินผิดกฎหมาย และเจตนาที่จะร่วมกันฟอกเงินครับ ซึ่งกรณีเงินกู้กรุงไทยนี้ มีธุรกรรมจากเงินก้อนเดียวกัน กระทำในลักษณะเดียวกันหลายร้อยราย คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้าน แต่อัยการกลับสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันฟอกเงินแค่ 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มคนในบริษัทที่เป็นผู้กู้ และ 2. กลุ่มที่เกี่ยวพันกับการเมืองเท่านั้น มันแปลกไหมหล่ะ..??
ข่าวที่เกี่ยวข้อง