เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา สภ.เมืองอุดรธานี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ ผันผ่อน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายบัญชา ฐิติวัฒนาการ หรือ เสี่ยตี๋ อายุ 50 ปี อยู่ที่ 259/4 ถ.ประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี เสี่ยโรงนม นายทุนเงินกู้คดี “นกน้อย อุไรพร“ และ น.ส.นิจารีย์ โพธิ์มนต์ดี อยู่ที่ 68 หมู่ 12 ต.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี นายหน้าที่นำชาวบ้านมากู้เงินกับเสี่ยตี๋ ตามหมายจับศาล จ.อุดรธานี ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้เงิน หรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางให้กู้ยืมเงิน โดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด"
โดยทรัพย์สินที่ยึดไว้ตรวจสอบ ประกอบด้วยรถยนต์ รถตู้ รถจักรยานยนต์ 14 คัน ที่ดิน 14 ไร่ บ้านและที่ดิน 1 หลัง อาคารที่พักอาศัย 1 หลัง อาคารซักรีดพร้อมเครื่องจักร 1 หลัง อาคารห้องเย็น 1 หลัง อาคารเก็บสินค้า 1 หลัง ห้องแถวตลาดไทยอีสาน 1 คูหา เอกสารสัญญากู้เงินรวมมูลค่าทั้งหมด 527 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ตรวจค้นบ้านนายทุนเงินกู้นอกระบบในเขต อ.สร้างคอม อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนมา จำนวน 5 จุด ยึดโฉนดที่ดินได้ 249 ฉบับ นำมาตรวจสอบ รวมมูลค่า 1,122 ล้านบาท
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า การเข้าจับนายทุนเงินกู้นอกระบบ คดี “นกน้อย อุไรพร” ที่ชาวบ้านให้ความสนใจ เพราะมีการนำโฉนดไปจำนอง ไปค้ำประกันเอาไว้ ซึ่งศาลจังหวัดอุดรธานี ได้อนุมัติหมายจับในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” และได้เข้าจับกุมแล้ว 2 คน นายทุนและนายหน้า โดยตรวจอายัดทรัพย์สิน และเข้าตรวจค้นบ้านนายทุนเงินกู้นอกระบบใน อ.กุมภวาปี อีก 5 ราย ตรวจค้นยึดโฉนดที่ดินและอายัดทรัพย์ เพราะฉะนั้นในวันนี้ได้ตรวจยึดและอายัดทรัพย์รวมมูลค่ากว่า 1,649 ล้านบาท
“การเอารัดเอาเปรียบประชาชน จากการใช้เล่ห์กลอุบาย การใช้ความรู้ที่เหนือกว่า ทางเศรษฐกิจที่ร่ำรวยกว่ารังแกประชาชน ในลักษณะเช่นนี้ ผมขอเตือนว่า ขอให้หยุดการกระทำลักษณะเช่นนี้ การนำโฉนดที่ดินไปเก็บไว้ในบ้าน จำนวนมากขนาดนี้ ทั้งที่รัฐบาลได้มีการดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 7 เดือนแล้ว วันนี้เรายังตรวจพบโฉนดที่ดินกว่า 300 ฉบับ การบังคับใช้กฎหมายจะเข้มข้นขึ้น โดยการบังคับใช้กฎหมายฟอกเงิน ยึดทรัพย์ มาใช้และเข้มข้นมากขึ้นกว่านี้ ที่ทราบอยู่แล้วว่าฉ้อฉล ทำไม่ถูกต้อง ขอให้มาแสดงตัวต่อ ผบช.ภาค ผบก.ผกก.จะได้มาช่วยกันแก้ไขปัญหารัฐบาลจะไม่ปล่อยให้ประชาชนต่อสู้และพ่ายแพ้อยู่ร่ำไปแบบในอดีตที่ผ่านมา แต่เราจะไม่รังแกนายทุน กรณีของคุณนกน้อย เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว
ด้าน น.ส.สุดารัตน์ ภูผานี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ได้นำเงิน 4 ล้าน ซึ่งเป็นเงินที่ตนไปยืมมาทั้งหมด แม่นกน้อยไม่รับผิดชอบนำเงินช่วยไถ่โฉนด ไม่ช่วยจ่ายปฏิเสธที่จะช่วยจ่าย บอกจะนำเงินไว้ช่วยลูกวง แม้ว่าตำรวจจะช่วยประสานก็ตาม ซึ่งวันนัดไถ่ถอนตนและตำรวจได้นั่งรออยู่สำนักงานที่ดิน อ.หนองหาน นายบัญชาผิดนัดไม่ยอมมา โดยให้เหตุผลว่าต้องจ่ายเพิ่มอีก 2 ล้าน เป็นค่าฟ้อง น.ส.สุดารัตน์ หมิ่นประมาท ทำให้นึกถึง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.เป็นที่พึ่งสุดท้าย ส่วนจะให้ไถ่ถอนโฉนดกี่บาท ก็ต้องให้ท่านช่วยเจรจา หลังไถ่มาแล้วจะนำโฉนดไปขายเพื่อนำเงินไปลงทุนธุรกิจที่อเมริกา ส่วนแม่นกน้อย ยังคงถูกดำเนินคดีต่อไป มราบว่าทางตำรวจส่งฟ้องไปยังอับการแล้ว
”ดีใจมากที่จะได้ไถ่ถอนที่ดินคืน เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เพราะที่ผ่านมามันหมดความหวังที่จะได้คืนแล้ว ขอบคุณท่านมากจะขอจดจำความดีของท่านตลอดไป ที่ทำให้คนจนได้มีที่ทำมาหากิน มีที่ยืน”