ไม่พบผลการค้นหา
กรมธนารักษ์ แจงเกณฑ์เรียกเก็บค่าที่ท่าเรือร้าง 4 แห่ง พร้อมประกาศแนวทางจัดเก็บค่าเช่าและค่าธรรมเนียม กรณีเอกชนดำเนินการ ลดลงจากเดิมร้อยละ 50-60

กรมธนารักษ์ ชี้แจงกรณี กรมเจ้าท่าเตรียมที่จะเสนอเรื่องการขอเปิดประมูลท่าเรือร้างที่ยังไม่มีผู้บริหารจัดการ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ท่าเรือศาลาลอย จ.พระนครศรีอยุธยา ท่าเรือคลองวาฬ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และท่าเรือนครพนม จ.นครพนม ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) พิจารณา ในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ก็มีความกังวลว่าจะมีเอกชนมายื่นข้อเสนอประมูลเพื่อเข้าบริหารจัดการท่าเรือดังกล่าวหรือไม่ 

เนื่องจากกรมธนารักษ์ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องอัตราผลประโยชน์ตอบแทนที่เหมาะสม ซึ่งเดิมคิดค่าตอบแทนร้อยละ 50 ของรายได้จากการบริหารจัดการก่อนหักค่าใช้จ่าย ประกอบกับให้สัมปทานเพียง 5 ปี เท่านั้น ซึ่งเอกชนส่วนใหญ่มองว่าไม่คุ้มค่าและมีความเสี่ยงที่จะขาดทุน หากต้องการเดินหน้าแผนฟื้นฟูท่าเรือร้างดังกล่าวมีความจำเป็นต้องปรับอัตราค่าตอบแทนรวมถึงขยายระยะเวลาสัมปทาน

นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะโฆษกกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรมธนารักษ์มีหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมในการบริหารทรัพย์สิน โดยคิดผลตอบแทนจากมูลค่าทรัพย์สินที่จัดให้เช่า (ROA) ในอัตราร้อยละ 4 ของมูลค่าทรัพย์สินต่อปี ซึ่งประกอบด้วย ค่าเช่าร้อยละ 3 และค่าธรรมเนียมร้อยละ 1 แต่เนื่องจากท่าเรือที่กรมเจ้าท่าจัดสร้างใช้วงเงินก่อสร้างค่อนข้างสูง ทำให้อัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดสูงมาก ส่งผลกระทบต่อการหาผู้บริหารจัดการท่าเรือ

ดังนั้น กรมธนารักษ์จึงได้ปรับลดอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมกรณีการจัดให้เช่าท่าเรือเชิงพาณิชย์ในอัตราต่ำกว่าหลักเกณฑ์มาตรฐานที่เรียกเก็บ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการท่าเรือที่ถูกทิ้งร้างไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการมากยิ่งขึ้น 

โดยกรณีการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบริหารจัดการจะเรียกเก็บผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 0.3 ของมูลค่าทรัพย์สินต่อปี รวมกับส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 5 (กรณีมีรายได้เกินจุดคุ้มทุน) ซึ่งลดลงจากหลักเกณฑ์ปกติร้อยละ 90

กรณีการเปิดประมูลให้เอกชนเข้าบริหารจัดการ จะเรียกเก็บผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 1.5 ของมูลค่าทรัพย์สินต่อปี รวมกับส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 5 (กรณีมีรายได้เกินจุดคุ้มทุน) ซึ่งลดลงจากหลักเกณฑ์ปกติร้อยละ 50-60  

สำหรับระยะเวลาการเช่ากำหนดไม่เกิน 30 ปี มิใช่ 5 ปี ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมธนารักษ์ได้มอบอำนาจให้กรมเจ้าท่าไปจัดหาผู้บริหารจัดการท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ตามหลักเกณฑ์ใหม่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 แล้ว และจะมอบอำนาจให้กรมเจ้าท่าจัดหาผู้บริหารท่าเทียบเรือร้างทุกท่าตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป  

"การบริหารท่าเรือสาธารณะ ปัจจุบันกรมเจ้าท่าต้องใช้เงินงบประมาณดูแลซ่อมแซมบำรุงรักษาเป็นเงินจำนวนสูงมาก และท่าเรือบางแห่งสามารถแบ่งพื้นที่บางส่วนมาใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อลดต้นทุนงบประมาณการดูแลได้ โดยเปิดประมูลหาเอกชนเพื่อบริหารจัดการ บำรุงรักษา และซ่อมแซมท่าเรือสาธารณะแต่ละแห่ง ซึ่งขณะนี้กรมธนารักษ์ได้ขอให้กรมเจ้าท่าทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ดังกล่าวเพื่อลดภาระงบประมาณในการดูแล บำรุงรักษา เกิดการใช้ประโยชน์ท่าเรือที่คุ้มค่า โดยกรมธนารักษ์ได้พยายามผลักดันและแก้ไขปัญหาที่ติดขัด เพื่อให้กรมเจ้าท่า สามารถบริหารจัดการท่าเทียบเรือได้เกิดประโยชน์สูงสุด" นางสาวอมรรัตน์กล่าว


ขอขอบคุณภาพจาก : klongyai.com