ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลปลื้ม U.S.News จัดอันดับไทยที่ 8 'ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน' ชี้ปี 61 เศรษฐกิจขาขึ้น ต่างชาติยอมรับ พร้อมจับมือชาติอาเซียนเดินไปข้างหน้า โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบรายงานอันดับประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน ประจำปี 2561 ของ U.S.News ซึ่งประเทศไทยติดอันดับ 8 จาก 20 อันดับของโลก วิเคราะห์จากหลายปัจจัย เช่น เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ นวัตกรรม ทักษะแรงงาน ความชำนาญทางเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ประชากร และคอร์รัปชัน เป็นต้น  

ด้านนายกรัฐมนตรี พอใจอันดับของไทยจากรายงานดังกล่าว ถือว่าเป็นข่าวดีทางเศรษฐกิจ เพราะต่างชาติให้การยอมรับประเทศไทย ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันทุกฝ่ายตั้งแต่ระดับนโยบาย ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ใช้แรงงาน และประชาชนทุกคน ที่พัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง และช่วยกันรักษาบรรยากาศของบ้านเมืองให้สงบ เพื่อดึงดูดความสนใจของนักลงทุนทั่วโลก ขณะเดียวกันเมื่อต้นปีที่ผ่านมา U.S.News เพิ่งเผยแพร่ผลการจัดอันดับประเทศที่ดีที่สุดในโลกในด้านต่าง ๆ ซึ่งประเทศไทยครองแชมป์อันดับ 1 เป็นประเทศที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มธุรกิจ (Best Countries to start a Business) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าศักยภาพด้านเศรษฐกิจและการลงทุนของไทยนั้นจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ในสายตาของชาวโลก  

 ทั้งนี้ รัฐบาลได้ปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการลงทุนตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่งภาพลักษณ์ในเรื่องนี้เป็นสิ่งจูงใจนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาทำธุรกิจในไทยเป็นอย่างยิ่ง และผลการจัดอันดับดังกล่าวยังสอดคล้องกับอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business: EoDB) ของธนาคารโลกครั้งล่าสุด ที่ไทยมีอันดับดีขึ้นถึง 20 อันดับ จากอันดับที่ 46 ในปี 2560 เป็นอันดับที่ 26 ในปี 2561 ด้วยโดยมีฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ถูกจัดให้อยู่ใน 20 อันดับเช่นเดียวกัน สะท้อนในเห็นว่าภูมิภาคนี้กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้นจึงถือว่านโยบายและความร่วมมือทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกเดินมาถูกทางแล้ว โดยทุกประเทศจะพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้Mr. Markus H. Rodlauer รองผู้อำนวยการกรมเอเชียและแปซิฟิกและคณะผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ได้เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ โดยทาง IMFให้ความสนใจกับปัญหาสังคมผู้สูงอายุในไทย และได้มีการหารือเพื่อนำเงินสำรองระหว่างประเทศไปลงทุนเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ เช่น การตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อผู้สูงอายุ หรือ การลงทุนในต่างประเทศเพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูง ซึ่งนาสมคิด ระบุว่า ธปท.กำลังศึกษาอยู่ ซึ่งการมีเงินสำรองสูง ยิ่งทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น