ไม่พบผลการค้นหา
บอร์ด สปสช. มีมติเห็นชอบร่างข้อเสนองบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี 2563 อยู่ที่ 3,784.57 บาทต่อประชากรผู้มีสิทธิ เตรียมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินต่อไป

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุชภาพแห่งชาติ เป็นประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บอร์ด สปสช. โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างข้อเสนองบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2563 มีนางดวงตา ตันโช ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลังในบอร์ด สปสช. เป็นประธานเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินต่อไป

ซึ่งงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี 2563 ในส่วนงบเหมาจ่ายรายหัวได้เสนอ 182,658.48 ล้านบาท หรือ 3,784.57 บาทต่อประชากรผู้มีสิทธิ คำนวณผู้มีสิทธิ 48.26 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่รับจัดสรร 166,445.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16,213.26 ล้านบาท หรือ 258.01 บาทต่อประชากรผู้มีสิทธิ 

ปัจจัยการปรับเพิ่มเป็นผลจากต้นทุนบริการ อัตราเงินเฟ้อ ค่ายา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าตอบแทนบุคลากร ปริมาณการใช้บริการ สิทธิประโยชน์ใหม่ และการเพิ่มการเข้าถึงบริการแบบก้าวกระโดด เมื่อหักเงินเดือนบุคลากรภาครัฐ 49,832.58 ล้านบาท คงเหลือเข้าสู่กองทุน 132,825.90 ล้านบาท

ส่วนงบประมาณนอกเหมาจ่ายรายหัวปีงบประมาณ 2563 คณะอนุกรรมการฯ นะเสนอรายละเอียดดังนี้

1. งบบริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ 3,632.58 ล้านบาท

2. งบผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 9,537 ล้านบาท

3. งบควบคุมป้องกันความรุนแรงโรคเรื้อรัง (เบาหวานและจิตเวชเรื้องรังในชุมชน) 1,291.66 ล้านบาท

4. งบเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัย และพื้นที่ชายแดนภาคใต้ 1,490.28 ล้านบาท 

5. งบผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง 1,025.55 ล้านบาท

6. งบเพิ่มเติมบริการระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว 284.18 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อรวมรายการงบนอกเหมาจ่ายรายหัวแล้ว คิดเป็น 17,261.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 2,122.41 ล้านบาท และปี 2563 ยังเพิ่มงบประมาณเพื่อชดเชยวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดในภาคใต้ ปีงบประมาณ 2561-2562 จำนวน 45.02 ล้านบาท 

เมื่อรวมกับข้อเสนองบประมาณทั้ง 3 ส่วนนี้ รวมเป็นงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั้งสิ้น 199,964.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่ได้รับจัดสรร 181,584.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18,380.68 ล้านบท หลังหักเงินเดือนบุคลากรภาครัฐเป็นงบเข้าสู่กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจำนวน 150,132.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15,863.07 ล้านบาท

โดยข้อเสนองบประมาณเพิ่มขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการปรับปรุงและเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพื่อการเข้าถึงการรักษาให้กับประชาชน ซึ่งมี 15 สิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2563 นี้ ได้แก่ 

1. บริการตรวจคัดกรองยีน HLA-B*1520 ก่อนเริ่มยากันชัก Carbamazepine ป้องกันการแพ้ยาชนิดรุนแรง สตีเวนส์ จอห์นสัน 

2. ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ในประชากร อายุ 50-70 ปี 

3. บริการผ่าตัดผ่านกล้องและอุปกรณ์ทันสมัย และบริการผ่าตัดแบบวันเดียวกลับ 

4. เพิ่มสิทธิประโยชน์เข้าถึงยาราคาแพง บัญชียา จ.(2) ในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ มะเร็งไทรอยด์ เส้นประสาทที่เกิดจากการทำลายปลอกมัยอิลินชนิดเรื้อรัง และผู้ป่วยเอดส์ที่ดื้อยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐาน 

5. นำร่องบริการตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมทารกในครรภ์

6.บริการดูแลผู้ป่วยกึ่งเฉียบพลัน (Intermediate care) ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ในผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน บาดเจ็บทางสมองและบาดเจ็บที่เส้นประสาทไขสันหลัง 

7. เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพโดยหมอครอบครัว 

8. บริหารจัดการ่วมระหว่างหน่วยบริการ อปท. ชุมชนและครอบครัวเพื่อดูแลผู้ป่วยติดเตียงทุกลุ่มอายุ และกลุ่มสิทธิสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคม 

9. ติดตามค่าน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องตรวจในผู้ป่วยโรคเบาหวานในเด็กทุกราย 

10. นำร่องการล้างไตผ่านเครื่องอัตโนมัติในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 

11. นำร่องป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีด้วยวิธี Pre-Exposure Prophylaxis (PrEP) ในกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี 

12. เพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการแพทย์แผนไทยมากขึ้น 

13. การเพิ่มโอกาสได้รับการส่งต่อเพื่อรับการรักษาโรคอย่างต่อเนื่องในประชาชนชาว กทม. 

14. การขยายสิทธิประโยชน์ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในกลุ่มผู้บริจาคที่ไม่ใช่ญาติ 

15. เพิ่มการให้วัคซีนป้องกันโรคท้องร่วงเด็กอายุ 2-18 เดือน