ไม่พบผลการค้นหา
"วิญญัติ" ยื่นหนังสือจี้ ปปง. ยึดทรัพย์ นางภคินี และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติ

นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ(สกสส.) พร้อมคณะทำงาน เข้ายื่นหนังสือพร้อมแนบเอกสารรายการทรัพย์สินที่ต้องยึดเพิ่มเติมต่อประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลทรัพย์สินทั้งหมดของนางภคินี สุวรรณภักดี กับพวกซึ่งรวมถึงผู้รับโอนทรัพย์สินจากนางภคินีด้วย ซึ่งคณะกรรมการธุรกรรม สำนักงาน ปปง.จึงมีคำสั่งยึดทรัพย์ 3 ครั้ง และได้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการมีคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไปแล้วนั้น

จากการตรวจสอบทรัพย์สินของนางภคินี และบรรดาบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ทั้งในฐานะผู้รับโอน ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดมูลฐาน พบว่ายังมีทรัพย์สินที่น่าเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการ กระทำความผิดอีก จำนวนทั้งสิ้น 24 รายการ หรืออาจมากกว่านี้ ซึ่งมีรายละเอียดรายการทรัพย์สินที่ได้นำส่งมาด้วยในวันนี้


S__29327375.jpg

ตนและคณะทำงาน ได้ตรวจสอบไปถึงการยื่นบัญชีทรัพย์สินที่ ป.ป.ช.ได้แสดงต่อสาธารณะเทียบกันแล้ว พบว่า นายอรรถวิชช์ ฯ ไม่ได้ยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่มีที่ดินจากการรับให้จากนางภคินีฯ ผู้เป็นมารดา ยื่นแสดงต่อสำนักงาน ป.ป.ช. จำนวน 7 รายการ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 9 ท่าน และเลขาธิการ ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว นอกจากนี้ ตนได้ยื่นหนังสือ ต่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ตรวจสอบทรัพย์สินเหล่านี้เพื่อดำเนินการตามกฎหมายด้วยอีกทางหนึ่ง

นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ตนมายื่นหนังสือในวันนี้ ก็เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและเพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมายโดยยึดหลักนิติธรรม ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่นายอรรถวิชช์ ฯ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะได้จงใจหรือปกปิดไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ แต่ต้องมีการตรวจสอบให้กระจ่าง หากพบว่าเป็นทรัพย์สินมาจากผู้กระทำผิดฐานฟอกเงินจริงก็ต้องยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ยืนยันอีกครั้งว่าตนเห็นว่า ในอดีตนายอรรถวิชช์ เคยแสดงออกตลอดว่าต้องการตรวจสอบคนนั้นคนนี้ว่าทุจริตหรือทำให้รัฐเสียหายมาแล้ว

ดังนั้น เมื่อมีข้อมูลเช่นนี้ นายอรรถวิชช์ก็ต้องถูกตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยเช่นกัน จะได้ไม่เกิดการเลือกปฏิบัติ  ประกอบกับตนเห็นว่า มีบางคดีที่แม้เป็นเพียงผู้รับโอนทรัพย์มาจากผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าฟอกเงินที่ยังไม่ได้ถูกตัดสินไม่ใช่รับโอนโดยตรง ยังถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินได้  เรื่องนี้จึงต้องขอให้ประชาชนร่วมกันจับตาว่า ปปง. จะดำเนินการยึดทรัพย์สินของนายอรรถวิชช์กับพวก ในฐานะผู้รับโอนทรัพย์สินหลายรายการมาจากนางภคินีโดยตรงหรือไม่ กรณีนี้สังคมจะได้เห็นว่ามาตรฐานของ ปปง.จะเป็นอย่างไร