ไม่พบผลการค้นหา
'พิชัย' เข้ารายงานตัวตามหมายเรียก กับ บก.ปอท. ยืนยันนโยบายพรรคเพื่อไทย จะแก้ไข พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ ยุติการนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เข้ารายงานตัวกับ บก. ปอท. พร้อม นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความ ได้มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก โดยกล่าวว่าข้อหาที่พยายามดำเนินคดีอาญานั้นค่อนข้างเลื่อนลอย และไม่มีแม้แต่มูลคดีอาญาใดๆ ทั้งสิ้น 

เนื่องจากรูปแรกเป็นรูปนิตยสารไทม์ที่เขียนว่า “สั่งแบนแล้ว ห้ามจำหน่ายในประเทศไทย” ซึ่งเป็นรูปที่กระจายจน เป็นที่รับรู้ของสาธารณะชนโดยทั่วไป และตนเห็นจึงได้นำมาโพสต์ เพราะมีคนจำนวนมากอยากซื้อนิตยสารฉบับนี้แต่หาซื้อไม่ได้ ร้านค้าก็บอกว่าไม่มีการนำเข้ามาจำหน่าย ตนเห็นรูปก็คิดว่าเป็นจริง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าใครแบน อาจจะเป็นร้านค้าแบนเอง ห้ามจำหน่ายเองก็ได้

อีกทั้งในอดีตก็มีการปิดช่องโทรทัศน์ เช่น ปิด Voice TV , Peace TV และ TV 24 และ ยังมีการปิดรายการโทรทัศน์อีกจำนวนมาก ซึ่งหนักกว่าการห้ามขายหนังสือนิตยสารมาก เรื่องดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือ ทำความเสื่อมเสียเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด คสช. ไม่น่าจะมาฟ้องตนได้ 

ส่วนอีกภาพหนึ่ง เป็นเรื่องการดูด 4.0 ในการสัมมนาของภาคประชาชนที่ได้เชิญตนไปร่วม จึงเป็นความเห็นทางวิชาการ ซึ่งมีข่าวการดูดและข้อมูลวิธีการการดูดออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ตนเพียงนำข้อมูลมาแชร์ในวงสัมมนาเท่านั้น อีกทั้งในรูปภาพก็ไม่ได้ระบุว่าคสช. เป็นผู้ดูด การที่ คสช. มาฟ้องตน เท่ากับยอมรับว่า เป็นผู้ดูด สส. เองใช่หรือไม่ 

นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ซึ่งเป็นภาคประชาชน ที่ได้ออกมาปกป้องและชี้แจงแทนตนในเรื่องการสัมมนาครั้งนั้น เพราะภาคประชาชนห่วงว่าการดูด สส. ด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น การใช้เงินจำนวนมากซึ่งไม่รู้มาจากไหน จะยิ่งทำให้มีการทุจริตคอรัปชันมากยิ่งขึ้นหลังการเลือกตั้ง หากพรรคที่ดูด สส. เข้าไปเป็นรัฐบาล โดยการสัมมนาเป็นเสรีภาพของภาคประชาชนที่จะสะท้อนความคิดเห็นให้กับสังคมได้คิด 

ทั้งนี้หากจำกันได้มีประชาชนจำนวนมากคัดค้าน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับนี้ เพราะกลัวว่าจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเล่นงานคู่แข่ง และประชาชนที่เห็นต่าง ซึ่งก็กลายเป็นจริง

"พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่าจะมีนโยบายแก้ไข พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฉบับนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และสามารถนำเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศให้ก้าวทันโลก มากกว่าจะใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ปิดกั้นเสรีภาพทางความคิดเห็น และเป็นการหยุดยั้งความเจริญของประเทศ"