การเมือง
รายงานพิเศษ:ย้อนคดีมหากาพย์ จาก 'บิ๊กบอส' ถึง 'พานทองแท้'
ที่ระบุชื่อบุคคลสำคัญ 2 ราย พร้อมตั้งคำถามว่าอาจจะเกี่ยวโยง 'เงิน' ก้อนที่เขาตกเป็นผู้ต้องหา กลายเป็นเผือกร้อนที่ดีเอสไอ กำลังถูกโฟกัสถึงมาตรฐานการตรวจสอบ
หากบุคคลสำคัญทั้ง 2 ราย ไม่มีความผิด
เหตุใด 'พานทองแท้' จึงกลายเป็นผู้ต้องหาฟอกเงิน ทั้งที่มีการคืนเงินจำนวน 10 ล้านบาทไปแล้วก็ตาม
'วอยซ์ ออนไลน์' จะพาย้อนทบทวนดูว่าคดีมหากาพย์ ที่จะครบกำหนดอายุความ 15 ปี ในเดือนพฤษภาคม 2562 ร้อยเรียงเรื่องราวไปถึง 'บิ๊กบอส' ที่ยังไม่มีคำตอบว่าเป็นใคร?
- ย้อนไปเมื่อปี 2546 กลุ่มกฤษดามหานคร กู้ยืมเงินธนาคารกรุงไทยกว่า 8,000 ล้านบาท เพื่อเอาไปใช้หนี้ธนาคารกรุงเทพ รวมต้นและดอกเบี้ยมูลค่ากว่า 14,297 ล้านบาท แต่มีการปรับจำนวนหนี้ลงเหลือ 4,500 ล้านบาท กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคดีกรุงไทย ที่มีการอ้างถึง 'บิ๊กบอส' ณ เวลานั้นเป็นผู้ชักใยในการบีบให้มีการอนุมัติปล่อยกู้ และโฟกัสไปที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนนำไปสู่การฟ้องร้องจำเลยทั้งหมด 25 คน จากจำเลย 27 คน
- ประกอบไปด้วยจำเลยที่ 1 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี(ยศขณะนั้น) จำเลยที่ 2 ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ จำเลยที่ 3 นายวิโรจน์ นวลแข จำเลยที่ 4 นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา จำเลยที่ 5 นายพงศธร ศิริโยธิน จำเลยที่ 6 นายนรินทร์ ดรุนัยธร จำเลยที่ 7 นางนงนุช เทียนไพฑูรย์ จำเลยที่ 8 นายโสมนัส ชุติมาจำเลยที่ 9 นายสุวิทย์ อุดมทรัพย์ จำเลยที่ 10 นายวันชัย ธนิตติราภรณ์ จำเลยที่ 11 นายบุญเลิศ ศรีเจริญ จำเลยที่ 12 นายไพโรจน์ รัตนะโสภา จำเลยที่ 13 นายประพันธ์พงศ์ ปราโมทย์กุล จำเลยที่ 14 นางกุลวดี สุวรรณวงศ์ จำเลยที่ 15 นางสุวรัตน์ ธรรมรัตนพคุณ
- จำเลยที่ 16 นายประวิทย์ อดีตโต จำเลยที่ 17 นางศิริวรรณ ชินอิสระยศ จำเลยที่ 18 บริษัทอาร์เคโปรเฟสชั่นนัล จำกัด จำเลยที่ 19 บริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด จำเลยที่ 20 บริษัทกฤษดามหานครฯ จำเลยที่ 21 บริษัท โบนัสบอร์น จำเลยที่ 22 บริษัท แกรนด์คอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมูนิเคชั่น จำกัด จำเลยที่ 23 นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา จำเลยที่ 24 นายบัญชา ยินดี จำเลยที่ 25 นายวิชัย กฤษดาธานนท์ จำเลยที่ 26 นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ จำเลยที่ 27 นายไมตรี เหลืองนิมิตมาศ
- 26 สิงหาคม ปี 2558 ตามรายงานของเดลินิวส์ ระบุว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.3/2555 สั่งจำคุกจำเลยที่ 3 ,จำเลยที่ 2, จำเลยที่ 4 และ จำเลยที่ 12 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 ให้จำคุกจำเลยคนละ 18 ปี ฟากจำเลยที่ 5, จำเลยที่ 8-11, จำเลยที่ 13-17 ผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 จำคุกคนละ 12 ปี
- ส่วนจำเลยที่ 25 และจำเลยที่ 18-27 มีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 โดยให้ปรับจำเลยที่ 18-22 ซึ่งเป็นนิติบุคคล รายละ 26,000 บาท และให้จำคุกจำเลยที่ 23-27 คนละ 12 ปี และให้จำเลยที่ 20, 25 และ 26 รวมกันคืนเงิน 10,004,467,480 บาท แก่ธนาคารกรุงไทย ผู้เสียหาย
- นอกจากนี้ให้นายวิโรจน์ จำเลยที่ 3, 22 และจำเลยที่ 27 ร่วมรับผิด 9,554,467,480 บาท และให้จำเลยที่ 12-17, 21, 23 และ 24 ร่วมรับผิดจำนวน 8,818,732,100 บาท ส่วนจำเลยที่ 18 ร่วมรับผิด 450 ล้านบาท และจำเลยที่ 2, 4, 5 และ 8-11 และ 19 ร่วมรับผิดจำนวน 8,368,732,100 บาท หากจำเลยที่ 18-22 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 ด้านจำเลยที่ 6-7 ศาลพิพากษายกฟ้อง
จุดที่น่าสังเกตคือ 'ทักษิณ' ที่ถูกเข้าใจว่าเป็น 'บิ๊กบอส' ศาลกลับเห็นว่า "จากพยานหลักฐานอื่นๆ ยังไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร เช่นเดียวกับการโอนเงินจากบริษัท กฤษดามหานครฯ ให้กับภริยาและบุตรชายของ พ.ต.ท. ทักษิณ ก็ยังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน จึงยังรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2-27 ร่วมกันกระทำความผิดกับ พ.ต.ท. ทักษิณ"
ทว่าหลังจากการตัดสินคดีกรุงไทย นายพานทองแท้ ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงิน หลังพบว่ามีเงินบางส่วนถูกโอนเข้าบัญชีนายพานทองแท้ เมื่อปี 2547 ซึ่งเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท จากนายรัชฎา จำเลยที่26 ในคดีมหากาพย์กรุงไทย ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินก้อนเดียวกัน แม้ว่าจะมีการชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อร่วมกันทำธุรกิจยานยนต์ โดยไม่รู้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวได้มาโดยมิชอบ และมีการคืนเงินไปแล้ว
แต่ปัจจุบันนายพานทองแท้ตกเป็น 'ผู้ต้องหา' ในคดีฟอกเงิน หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวโทษที่มีกรมสอบสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอรับผิดชอบ โดยพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน
อ่านเพิ่มเติม
