น.ส.ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ พนักงานวิเคราะห์สินเชื่อ 7 กลุ่มอัตราเพื่อการบริหารสังกัดฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. มีหนังสือคำสั่งเลิกจ้างที่11404/2561 โดยอ้างเหตุว่าตนเองมีพฤติกรรมจงใจฝ่าฝืนข้อห้ามหรือคำสั่งของธนาคารอันชอบด้วยกฎหมายเป็นการกระทำผิดซ้ำพฤติกรรมที่ถูกลงโทษภาคทัณฑ์และธนาคารได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้วโดยเขียนข้อความในลักษณะที่ไม่เหมาะสมตำหนิดูหมิ่นผู้บังคับบัญชาพนักงานผู้อื่นและธนาคาร
ทั้งยังนำเอกสารข้อมูลของธนาคารที่ไม่ควรเผยแพร่ข้อมูลที่ใช้สื่อสารภายในธนาคารโดยเฉพาะหรือข้อมูลอื่นใดที่จะก่อให้เกิดข้อสงสัยหรือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับธนาคาร เผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้มีบุคคลอื่นมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่ทำให้ธนาคารเสื่อมเสียชื่อเสียง
ซึ่งธนาคารพิจารณาแล้วเห็นว่า น.ส.ชญาดามีพฤติกรรมจงใจฝ่าฝืนข้อห้ามหรือคำสั่งของธนาคารอันชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งธนาคารได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว จนก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของธนาคารจึงเป็นเหตุอันสมควรที่ไม่อาจไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรพ.ศ 2509 มาตรา24(1)และข้อบังคับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรฉบับที่ 4 ข้อที่ 20 ให้เลิกจ้าง น.ส.ชญาดา โดยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมาย แต่ไม่จ่ายค่าชดเชยเนื่องจากได้จงใจฝ่าฝืนข้อห้ามหรือคำสั่งของธนาคารอันชอบด้วยกฎหมาย
น.ส.ชญาดา ระบุด้วยว่าคำสั่งดังกล่าวจะมีผลในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ยง) ซึ่งธนาคาร แจ้งให้เก็บทรัพย์สิน และของใช้ส่วนตัว ให้เสร็จภายในวันนี้โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยติดตาม
พนักงานธ.ก.ส. ตั้งข้อสังเกตว่า หากธนาคารอ้างว่ามีการกระทำที่ผิดวินัย เหตุใดคำสั่งจึงเป็นการเลิกจ้าง ไม่ใช่การให้ออกหรือไล่ออกจากนี้ โดยตนเองเตรียมที่จะฟ้องศาลแรงงาน พร้อมอุทธรณ์คำสั่ง ดังกล่าวต่อคณะกรรมการธนาคารภายใน 30 วัน เพื่อขอความเป็นธรรม
สำหรับคำสั่งดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากกรณีที่ น.ส.ชญาดาออกมาเปิดเผยความผิดปกติ ในการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว เช่น การแจ้งหนี้ของธ.ก.ส.ไปยังองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) รวมถึงการจ่ายเงินซ้ำซ้อน ของธนาคารตามใบประทวนในโครงการจำนำข้าว ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหาย ด้านงบประมาณสูงกว่าความเป็นจริง