นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในเวที Global Progress Summit ที่นครมอนทรีออล แคนาดา ซึ่งเป็นงานประชุมใหญ่ของนักการเมือง ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าทั่วโลก โดยนายธนาธรพูดในหัวข้อ "Progress Under Threat: Authoritarianism and Populism in Global Perspective" หรือ “ฝ่ายก้าวหน้าถูกคุกคาม: เผด็จการและประชานิยมในการเมืองโลก” ร่วมกับอดีตนายกรัฐมนตีของฮังการี นักกิจกรรมทางการเมืองจากอียิปต์ อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรีย และ Think-Tank จากอเมริกา โดยมีเลขาธิการด้านการต่างประเทศจากพรรคเดโมแครตของอิตาลีเป็นผู้ดำเนินรายการ
ในการเสวนา นายวาเอล โกนิม นักเคลื่อนไหวจากอียิปต์ กล่าวถึงบทบาทของโซเชียลมีเดีย ในการแพร่กระจายความกลัว และแสดงความกังวลว่าเทคโนโลยีกำลังตกเป็นเครื่องมือของเผด็จการในการสร้างการเมืองแห่งความกลัวเพื่อใช้อำนาจปกครองกดขี่ประชาชน เช่นเดียวกับนายจอห์น โพเดสตา จาก Centre for American Progress ที่กล่าวว่าความกลัวสามารถถูกกระตุ้นได้โดยโซเชียลมีเดีย และเผด็จการส่วนใหญ่ก็ใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือ
ขณะที่นายธนาธร ถูกถามว่าเหตุใดประเทศไทยซึ่งเคยเป็นประทีปประชาธิปไตยในภูมิภาค ในทศวรรษที่ 1990 จึงกลับมาตกอยู่ใต้อำนาจเผด็จการ ซึ่งนายธนาธร ตอบว่าไทยก็เหมือนอีกหลายประเทศทั่วโลก ฝ่ายซ้ายสร้างการเมืองความหวัง ในขณะที่ฝ่ายขวาสร้างการเมืองแห่งความกลัว ช่วงทศวรรษ 1990 ไทยเป็นทั้งประทีปแห่งประชาธิปไตยและแบบอย่างด้านความเจริญทางเศรษฐกิจ แต่เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตยกลับไม่ถูกปลูกฝังหยั่งรากในสังคม คนไทยคิดว่าประชาธิปไตยได้มาอย่างง่ายๆ และไม่เห็นถึงคุณค่าของมัน เมื่อชนชั้นนำรู้สึกว่าถูกคุกคามจากการขยายตัวของชนชั้นกลาง จึงหวนกลับมาหาการรัฐประหารในปี 2549 ผ่านไป 12 ปี คนไทยก็ยังอยู่ใต้เงาของการรัฐประหารครั้งนั้น
นายธนาธร ยังย้ำอีกว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา คนไทยนับ 100 คน ต้องสูญเสียชีวิตในการเรียกร้องประชาธิปไตย ประชาชนถูกหลอกให้แตกแยกกัน ให้คิดว่านักการเมืองเลว การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจเงิน ให้ชนชั้นกลางคิดว่าการให้รัฐสวัสดิการแก่คนรากหญ้า ทำลายความมั่นคงทางการคลัง ทั้งหมดนี้เป็นความพยายามทำให้คนไทยเชื่อว่าอำนาจการเมืองควรอยู่ในมือของคนกลุ่มน้อยในสังคม
“เราถูกทำให้แตกแยกกัน เกลียดกัน จนกระทั่งการฆ่าคนที่เห็นต่างกลายเป็นความชอบธรรม มีความเกลียดชังมากเกินไปแล้วในสังคมนี้ เหตุที่เราตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาก็เพื่อจะบอกว่าพอกันที ประชาชนไม่ควรต้องต่อสู้กัน ศัตรูของเราทุกคนคือระบอบเผด็จการ”
นายธนาธร ยังถูกถามอีกด้วยว่าจะทำอย่างไรเพื่อต่อสู้กับเผด็จการและนำประชาธิปไตยกลับคืนมา ทั้งในระดับประเทศและสากล โดยว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าประการแรกคือการสร้างการเมืองแห่งความหวัง บนฐานของความเชื่อมั่นว่าอนาคตที่ดีกว่าเกิดขึ้นได้ ถ้าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งนั่นก็คือข้อเสนอของพรรคอนาคตใหม่
“ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในไทย ที่ที่คุณอาจถูกตั้งข้อหา ถูกจับเข้าคุกเพียงเพราะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหาร ไม่ใช่บรรยากาศที่เราจะทำงานได้อย่างสะดวก แต่ต้องทำ เพื่อนำประชาธิปไตยกลับคืนมา”
นายธนาธร ย้ำว่าอีกภารกิจสำคัญที่ฝ่ายก้าวหน้าในไทยต้องทำเพื่อสู้กับเผด็จการ คือการทำงานในระดับสากล ต้องร่วมมือกัน ทำให้การเมืองของฝ่ายก้าวหน้ามีความหวัง ให้คุณค่าประชาธิปไตยกลับคืนมาเป็นเรื่องที่ “เซ็กซี่” อีกครั้ง และไม่ว่าอย่างไร การทำงานเรื่องนี้ต้องทำในระดับสากล เพราะทุกวันนี้เราอยู่ในโลกโลกาภิวัตน์ ที่ทุกอย่างเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม การจ้างงาน การลงทุน การค้า ผู้อพยพ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้แก้ไขได้โดยประเทศใดประเทศเดียว เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ พรรคการเมืองต้องทำงานในระดับระหว่างประเทศ ยึดมั่นในคุณค่าสากลนิยมที่สอดคล้องกับนานาอารยประเทศจึงจะสามารถแก้ปัญหาได้
ทั้งนี้ หลังจบการเสวนา นายธนาธรยังได้รับเชิญจากนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ให้ร่วมงานเลี้ยงรับรองและสนทนากันถึงสถานการณ์การเมืองอีกด้วย โดยนายทรูโดได้กล่าวว่าเขาสนับสนุนการตั้งพรรคอนาคตใหม่ และขอเป็นกำลังใจให้นายธนาธรประสบความสำเร็จในภารกิจการสร้างประชาธิปไตยในไทย