วันเสาร์ที่ (8 มีนาคม 2568) เวลา 08.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวคำปราศรัยเนื่องในโอกาส “วันสตรีสากล” ประจำปี 2568 เพื่อเฉลิมฉลอง และรำลึกถึง การต่อสู้ของผู้หญิงต่อการเลือกปฏิบัติเพื่อให้ได้ สิทธิ โอกาส ความเท่าเทียม และความยุติธรรม ประเทศไทย เป็น 1 ใน 60 ประเทศทั่วโลก และ 1 ใน 10 ประเทศเอเชีย ที่เคยมีผู้นำสูงสุดของประเทศเป็นผู้หญิง และประเทศไทย ยังมีสัดส่วนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO เป็นผู้หญิง สูงเป็นอันดับ 3 ของโลกซึ่งสะท้อนว่า สังคมไทยให้พื้นที่กับผู้หญิงอย่างเท่าเทียม นายกรัฐมนตรีแสดงถึงความเชื่อมั่นว่า ผู้หญิงทุกคนสามารถก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำได้ในทุกเวทีทุกระดับ สามารถเป็นทุกอาชีพ สามารถทำตามความฝันที่ตัวเองต้องการ และสามารถรับทุกโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน โดยที่ความเป็นผู้หญิงไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางอีกต่อไป
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติ นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงค่านิยมของสังคม และสร้างโอกาสให้ผู้หญิงไทยจนมาถึงวันนี้ แต่สังคมไทย ยังต้องต่อสู้กับอคติทางเพศในอีกหลายประเด็น ทั้งความรุนแรงที่มาจากความเกลียดชังต่อผู้หญิง ความคาดหวังที่มีต่อผู้หญิงในกรอบวิธีคิดชายเป็นใหญ่ การถูกจับจ้องเรื่องส่วนตัวและเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกมากกว่าความสามารถ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และ อีกหลายประเด็นที่เราทุกคนต้องร่วมกันต่อสู้ เพื่อทำให้ประเทศไทย เป็นพื้นที่ของผู้หญิงทุกคน เป็นพื้นที่ของคนทุกเพศ
รัฐบาลจะผลักดันนโยบายความเสมอภาคทางเพศอย่างเต็มความสามารถ ทั้งในระดับครอบครัว สถาบันการศึกษา และสถานประกอบการ ทั้งการแก้กฎหมายที่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ การขจัดความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงการพัฒนานโยบายที่เอื้อต่อการทำงานของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็น การขยายวันลาหลังคลอด การทำให้ผู้ปกครองเข้าถึงสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพ อีกทั้งจะดำเนินการสานต่อนโยบาย กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำ สร้างโอกาสให้ผู้หญิงเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาอาชีพ ส่งเสริมศักยภาพของเครือข่ายสตรี รวมทั้งพิทักษ์สิทธิของผู้หญิงและผู้ด้อยโอกาสในสังคมอีกด้วย
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เนื่องในวันสตรีสากลประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “3 ทศวรรษปฏิญญาปักกิ่ง : โอกาสและความท้าทายสู่ความเสมอภาคของสตรีและเด็กหญิง” ทุกคนถือเป็นแบบอย่างแห่งความมุ่งมั่น ทุ่มเททำงานเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศให้เกิดขึ้นในสังคมไทย