นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร กล่างถึงกรณีการลาออกจากตำเเหน่งของ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม และ นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งคาดกันว่าสาเหตุเกิดจากไม่ต้องการเซ็นอนุมัติผลการประกวดราคาดำเนินโครงการเตาเผาขยะที่หนองแขมและอ่อนนุช ขนาด 1,000 ตันต่อวัน รวม 2 โรง มูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท
เนื่องจากโครงการดังกล่าวถูกเอกชนร้องเรียนว่าส่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย และยังอยู่ระหว่างตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
นายวิลาศ ซึ่งที่ผ่านมาเคยเปิดเผยกรณีการส่อทุจริตของ กทม. มาอย่างต่อเนื่อง กล่าวกับวอยซ์ออนไลน์ว่า โครงการดังกล่าวมีความไม่ชอบมาพากล ตามที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ตั้งข้อสงสัย โดยกระบวนการทุจริต เป็นลักษณะเอื้อประโยชน์ให้เอกชนหรือฮั้วประมูล ให้คู่เทียบมาเสนอสัญญา ไม่ได้เกิดการเเข่งขันอย่างเป็นธรรม รวมถึงอาจมีการกำหนดระยะเวลาพิจารณาผลการเสนอราคาในระยะสั้น จนเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนบางราย
"เอกชนที่เขาหากิน เชี่ยวชาญทางด้านเตาเผาขยะโดยเฉพาะ เขายังไม่สามารถที่จะยื่นเสนอราคาได้ทันเวลา แล้วไอ้พวกเสนอทันมันเชี่ยวชาญมาจากไหน"
นายวิลาศ กล่าวต่อว่า กระบวนการที่มีปัญหาเเละส่อทุจริตมีผลให้ข้าราชการบางกลุ่มลำบากใจและไม่กล้าเซ็นอนุมัติ เนื่องจากเกรงว่าจะกลายเป็นปัญหาต่อตัวเองในอนาคต
"เขาดูเหตุและผลแล้ว กลัวว่าเขาจะตายไปอีกคน เขาก็ต้องถอยออก"
อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ในภาพรวมตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าการทุจริตไม่ได้หมดไป แม้จะอยู่ในยุคที่บางคนเรียกว่าปฏิรูปกวาดล้างทุจริตก็ตามที กลับกันยังพบว่ามีการทุจริตเพิ่มมากขึ้นด้วย แม้จะผ่านช่องทาง อีออคชั่น (e-Auction) และ e-bidding การประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์
"วิธีการโกงของมันใจกล้ากันขึ้นมาก บางอย่างก่อนหน้านี้ไม่เคยมี มันมาเกิดในช่วงปฏิรูป แล้วใครบอกปฏิรูปเพื่อเเก้ปัญหาทุจริตล่ะ" นายวิลาศกล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :