ไม่พบผลการค้นหา
ชิ้นส่วนมนุษย์ถูกพบอยู่ในกระเพาะฉลามเสือที่มีถิ่นฐานอยู่บริเวณชายฝั่งของมหาสมุทรอินเดีย เชื่อเป็นร่างของชายที่สาบสูญไปเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่โครงการลดความเสี่ยงด้านการท่องเที่ยวในมหาสมุทรอินเดียจับฉลามเสือ ขนาดความยาว 3.4 เมตรได้ที่นอกชายฝั่งของเกาะเรอูนียง โดยพบว่าฉลามตัวดังกล่าว มีชิ้นส่วนของแขน 2 ข้างและกำไลข้อมือของมนุษย์อยู่ในท้องของฉลาม

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบในท้องฉลามนั้นบ่งบอกว่ามันเพิ่งกินชิ้นส่วนดังกล่าวไปไม่ถึง 48 ชั่วโมง

ขณะที่ทาง AFP รายงานว่า ครอบครัวของผู้สูญหายเมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมายืนยันว่ากำไลข้อมือที่พบในท้องฉลามนั้นเป็นสมาชิกในครอบครัวที่สูญหายขณะออกไปพายเรือคายักในบริเวณเกาะดังกล่าว 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผลการชันสูตรที่แน่ชัดว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตจากการจมน้ำแล้วจึงถูกฉลามกิน หรือว่าถูกฉลามโจมตีจนเสียชีวิต

ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้ก้ได้เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวที่ออกไปดำน้ำบริเวณจุดดำน้ำยอดนิยมของเกาะเรอูนียง โดยทางเจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนท่อนแขนในท้องของฉลามเสืออีกตัวหนึ่ง หลังจากชายคนดังกล่าวสูญหายไปเพียง 2 วัน

ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา บริเวณชายฝั่งของเกาะเรอูนียงมีผู้ถูกฉลามโจมตี 24 ครั้ง และ 11 ครั้งพบว่าผู้ที่ถูกฉลามโจมตีนั้นเสียชีวิต และในปีนี้มีการยืนยันว่าชาวประมงและนักโต้คลื่นเสียชีวิตจากการถูกฉลามทำร้ายแล้ว 2 ราย

อย่างไรก็ตาม นิตยสารนิวส์วีกรายงานอ้างอิง International Shark Attack File ซึ่งเผยแพร่ในเว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าสถิติเหตุการณ์ที่ฉลามทำร้ายมนุษย์ทั่วโลกในปีที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งหมด 132 ครั้งเท่านั้น และ 34 ครั้งที่ฉลามทำร้ายมนุษย์ เป็นเพราะสัตว์น้ำเหล่านี้ถูกรบกวนหรือถูกยั่วยุโดยกลุ่มคนก่อน

ส่วนพื้นที่ที่เหตุการณ์ฉลามโจมตีมนุษย์บ่อยที่สุดคือชายฝั่งทะเลในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ ผู้ถูกฉลามกัดมักจะเป็นนักเล่นกระดานโต้คลื่นและผู้ที่มาว่ายน้ำในบริเวณดังกล่าว แต่ไม่ค่อยมีกรณีบาดเจ็บร้ายแรงจนเสียชีวิต โดยจำนวนผู้เสียชีวิตเพราะถูกฉลามกัดหรือโจมตีทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 6 รายต่อปีเท่านั้น ขณะที่ชาวประมงหรือเรือประมงทั่วโลกฆ่าฉลามและปลากระเบนตายราว 100 ล้านตัวต่อปี

ที่มา DW/ Newsweek